สตูล - ร.ร.บ้านทุ่งพัฒนา อ.ควนโดน จ.สตูล จัดสรรพื้นที่วิถีเกษตร 20 ผู้ปกครองอาสาปลูกผักเลี้ยงสัตว์หารายได้พัฒนาโรงเรียน ผู้ปกครองอยู่รอด นักเรียนได้เรียนหนังสือ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่โรงเรียนบ้านทุ่งพัฒนา ม.10 ต.ควนสตอ อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็กนักเรียนเพียง 67 คน แม้จะไม่ประสบปัญหาแออัด แต่ทางโรงเรียนก็เคร่งครัดในการเฝ้าระวังตามมาตรฐานสาธารณสุข ด้วยการให้เด็กสวมหน้ากากอนามัยมาโรงเรียนทุกครั้ง หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่าง
โรงเรียนแห่งนี้ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ทางผู้ปกครองจิตอาสา 20 คน จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน เริ่มตั้งแต่การปลูกผักในสวนครัว เช่น พริก ตะไคร้ ผักบุ้ง ผักกาด ข้าวโพด และการเลี้ยงปลาเพื่อจำหน่ายในชุมชนหารายได้หักค่าใช้จ่ายมาพัฒนาโรงเรียน ในรูปของอาหารกลางวัน และส่วนหนึ่งเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนเสริมทักษะนักเรียน
และแม้จะมีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้โรงเรียนต้องปิดไปร่วม 3 เดือน แต่ผู้ปกครองชุดนี้กลับไม่หยุดในการเข้ามาปรับปรุงพัฒนาโรงเรียนเพื่อหารายได้อย่างต่อเนื่อง
นายวีระ พรหมมา ประธานกลุ่มผู้ปกครองจิตอาสา ซึ่งมีสมาชิกด้วยกัน 20 กว่าคน ยอมรับว่าโครงการที่เกิดขึ้นเมื่อทราบข่าวว่ามีการพิจารณายุบโรงเรียนในปี 2564 ชาวบ้านและผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นการเพิ่มภาระในการส่งบุตรหลานไปเรียนในพื้นที่ห่างไกลหมู่บ้านและชุมชน อีกทั้งโรงเรียนแห่งนี้รุ่นตนและพ่อแม่ก็เรียนที่นี่ มีคุณค่าทางใจต่อผู้ปกครองคนพื้นที่หมู่ที่ 10 ต.ควนสตอ เป็นอย่างมาก
พวกตนจึงได้อาสามาร่วมกันพัฒนาตามวิถีทางที่ผู้ปกครองถนัด คือ การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เพื่อหารายได้มาพัฒนาโรงเรียนในรูปแบบของโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งรั้วรอบขอบโรงเรียน อ่างล้างมือ การพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นักเรียนโรงเรียนอยู่ได้ ผู้ปกครองก็อยู่ได้
โดยโรงเรียนมีพื้นที่ 22 ไร่ 2 งาน แบ่งให้ผู้ปกครอง 5 ไร่ ทำการเกษตรสร้างรายได้พัฒนาโรงเรียน ผลผลิตที่ได้ส่วนหนึ่งจะนำมาเป็นอาหารกลางวันนักเรียน ส่วนหนึ่งขายให้ชุมชนในราคาเป็นธรรม รายได้ร้อยละ 50 ให้ผู้ปกครองดำเนินการ ร้อยละ 20 ให้โรงเรียน และอีกร้อยละ 30 เป็นกองกลางพัฒนาโรงเรียน
น.ส.สุนทรี ณ นคร ผอ.ร.ร.บ้านทุ่งพัฒนา บอกว่า ความเป็นมาของโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมาหลังจากผู้ปกครองเกรงว่าโรงเรียนจะถูกยุบ จึงเกิดโครงการพัฒนาโรงเรียนมากมาย มาวันนี้มีเงินเก็บกองกลางถึง 40,000 บาท พร้อมทั้งการสร้างงานให้ผู้ปกครอง ให้นักเรียนไม่หลุดจากระบบการเรียนการสอนเพราะอยู่ใกล้บ้าน นักเรียนได้พัฒนาทักษะเรียนเรียนรู้อาชีพ ในยุคโควิด-19 ที่เศรษฐกิจต้องพึ่งพาตัวเอง เป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครองไปในตัวด้วย
เหนือสิ่งอื่นใดคือ เด็กได้รับประทานอาหารปลอดสารพิษ อิ่มท้องตามโภชนาการไปพร้อมการสร้างทักษะในอาชีพเกษตร อีกทั้งเป็นต้นแบบในพื้นที่อื่นๆ ผู้ปกครองกับโรงเรียนมีสายสัมพันธ์ที่แน่นเฟ้น มีรายได้เลี้ยงครอบครัว และทำให้เด็กไม่หลุดไปจากระบบการศึกษาในยุคเศรษฐกิจตกต่ำหลังโควิด-19
