xs
xsm
sm
md
lg

หวิดไม่รอด! ชายอ้างเป็น ตร.บุกจับชาวประมงถูกล้อมกรอบ อ้างไม่พอใจเรียกเงิน 5 ล้านแลกไม่ดำเนินคดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

สุราษฎร์ธานี - ระทึกเกิดเหตุกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านกว่า 300 คน ล้อมกรอบชายอ้างเป็นตำรวจสืบสวนภาค เหตุไม่พอใจบุกจับยึดลูกหอยแครงและขู่เรียกเงิน 5 ล้าน ทางชาวบ้านเรียกร้องให้ย้ายออกจากพื้นที่ 24 ชั่วโมง พร้อมให้สอบสวนทางวินัย




จากกรณีเมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) ต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุจากกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ในพื้นที่ชุมชนบ้านสำโรง หมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า มีผู้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปจับกุมตัว นายอนุชา บินมุซา อายุ 46 ปี ชาวประมงพื้นบ้านพร้อมข่มขู่เรียกเงินเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี แต่ถูกกลุ่มชาวบ้านเห็นเหตุการณ์จึงได้รวมตัวกว่า 300 คน ปิดล้อมรถยนต์คันดังกล่าวไว้ จึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบ


ในเวลาต่อมา พ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ท.สมชาย เรืองจันทร์ นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้นำกำลังเข้าระงับเหตุ นายอนุชา บินมุซา จึงได้ให้รายละเอียด ว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ได้มีชาย 3 คน ใช้รถยนต์โตโยต้า เฟอร์จูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 792 สุราษฎร์ธานี อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้อาวุธปืนบุกเข้าจี้บังคับตนและคนงานอีก 2 คน ที่กำลังรับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงพื้นบ้านที่ลงไปตักลูกหอยแครงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในพื้นที่อนุรักษ์เขตชายฝั่ง 1,000 เมตร ที่ทางนายวิชวุชย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เปิดพื้นที่เขตอนุรักษ์บริเวณตำบลคลองฉนาก-ตำบลบางชนะ อำเภอเมือง ให้กลุ่มชาวประมงได้เข้าไปจับมาขายเพื่อสร้างรายได้ในสถานการณ์โควิด-19 บริเวณปากแม่น้ำตาปี ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย ได้ใช้อาวุธปืนจี้บังคับพร้อมยึดลูกหอยแครงอายุประมาณ 1 เดือน จำนวน 23 กระสอบ น้ำหนัก 700 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท


โดยอ้างว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย พร้อมบังคับตนให้ขึ้นรถ และขู่บังคับเรียกร้องเงินจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ถูกดำเนินคดี เมื่อกลุ่มชาวประมงนับ 100 คนที่กำลังนำลูกหอยแครงมาขาย เห็นเหตุการณ์จึงไม่พอใจ ฮือเข้าปิดล้อม จนทำให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย หลบหนีขึ้นรถยนต์ แต่ทางชาวบ้านจึงเข้าทำการปิดล้อมไม่ยอมให้ขับออกจากที่เกิดเหตุ


พร้อมเรียกร้องทางเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ หากเป็นตำรวจจริง ทางผู้บังคับบัญชาต้องสั่งย้ายออกจากพื้นที่ และขอให้สอบสวนดำเนินทางวินัยต่อตำรวจทั้ง 3 นาย ซึ่งทางนายอำเภอ และ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ รับปากจะดำเนินการให้ แต่ทางชาวบ้านไม่ไว้ใจจึงเรียกร้องขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลงมาเคลียร์


ในเวลาต่อมา นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว กำนันตำบลทุ่งกง อดีตนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่เกิดเหตุให้ความเคารพนับถือได้ลงมาเจรจา ขอให้ชาวบ้านปล่อยตัวทั้ง 3 นาย ออกจากพื้นที่พร้อมรับปากดำเนินการประสานผู้ใหญ่ของทางผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 3 นาย ให้ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง นายอนุชา ผู้เสียหายพอใจยอมปล่อยตัวตำรวจทั้ง 3 นายออกจากพื้นที่


แต่ขณะที่กำลังให้รถยนต์ของตำรวจทั้ง 3 นาย ที่อยู่ภายในรถเคลื่อนตัวออกจากจุดที่ถูกปิดล้อม ชาวบ้านบางส่วนไม่รู้คิดว่าจะขับรถหลบหนี จึงได้รุมเข้ามาทุบตีและเขย่ารถเกิดความชุลมุนอีกครั้ง และในที่สุดทุกอย่างก็คลี่คลาย โดยชาวบ้านขอให้ผู้ที่อยู่ในรถยนต์เปิดไฟในรถพร้อมขอให้ถอดหน้ากากอนามัยและหมวกเพื่อให้ทุกคนเห็นหน้าตำรวจทั้ง 3 นาย และจำไว้เพื่อป้องกันเหตุร้ายในวันข้างหน้า ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจของนายอำเภอกาญจนดิษฐ์ และ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ ที่หวั่นเกรงเหตุปลายปลายจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต


กำลังโหลดความคิดเห็น