ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักธุรกิจภูเก็ตโพตส์เฟซ ต้องการมอบเงินช่วยเหลือตำรวจที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ จากการเข้าระงับภายในห้างเทอร์มินอล 21 ระบุเป็นคนเสียสละสมควรได้รับการยกย่อง วอนหยุดด่ากันและหันมาส่งเสริมคนทำดีให้มากขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ กิตติศักดิ์ เสียงสลัก โพสต์ข้อความพร้อมภาพนิ่งระบุว่า “ร่วมกันหยุดวิจารณ์การทำงาน หยุดต่อว่า ช่วยกันแชร์ ช่วยกันเยียวยา ช่วยกันสรรเสริญบุคคลที่เสียสละ ช่วยกันสนับสนุนคนที่เสี่ยงชีวิต เจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือครอบครัวที่สูญเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้กันดีกว่า
วอนสื่อมวลชนนำเสนอแต่ฝั่งฮีโร่ได้ไหมครับ ผมไม่อยากรับรู้ข่าวฝั่งคนก่อเหตุ ไม่อยากรับรู้ประวัติใดๆ ไม่อยากฟังแถลงข่าวจากนายกฯ ไม่อยากฟังสรุปปฏิบัติการใดๆ อีก วอนทุกคนช่วยแชร์ข่าวของวีรบุรุษที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อภารกิจนี้จะได้ไหมครับ ผมอยากรู้จักทุกท่านที่เสียสละ ด้วยหัวจิตหัวใจของคำว่าหน้าที่ที่จะปกป้องไว้ซึ่งความถูกต้อง สำนักข่าวใดนำเสนอเรื่องนี้มากผมจะสนับสนุนช่องนั้น ผมไม่รู้นะว่าเจ้าหน้าที่เสียชีวิตกี่รายในการเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันในเหตุการณ์
แต่ทุกท่านที่เสียชีวิต ผมขอบมอบเงินทำบุญให้ครอบครัวท่านละ 10,000 บาท ส่วนท่านที่ได้รับบาดเจ็บ ช่วยเหลือท่านละ 5,000 บาท เฉพาะท่านที่เสียสละเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันในห้างเทอมินอล 21 เท่านั้นนะครับ ส่วนเพื่อนๆ หรือเจ้าของกิจการท่านใดที่เห็นด้วยกับผม อยากร่วมกันเปลี่ยนสังคมเน่าๆ ให้มันมีสิ่งดีๆ เพิ่มขึ้นก็ช่วยๆ กันนะครับ คนละเล็กคนละน้อยเพื่อสังคมที่ดีกว่า ตอนนี้ที่อยากทราบ คือ เจ้าหน้าที่เสียชีวิตกี่นาย บาดเจ็บกี่นายครับ แชร์ให้ถึงสำนักข่าวเพราะเราอยากช่วยฮีโร่ของเราบ้าง ก็เท่านั้น ไม่ได้อยากดัง แต่อยากทำด้วยหัวใจ อุ๊ หยัดใจได้ 09/2/2563”
อย่างไรก็ตาม หลังมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวก็มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เจ้าของเฟซบุ๊กคนดังกล่าวคือ นาย กิตติศักดิ์ เสียงสลัก นักธุรกิจเจ้าของ House of cars บริเวณถนนบายพาส อ.เมือง จ.ภูเก็ต
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ที่ออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าวไม่ได้ต้องการเกาะกระแส แต่รู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรจะเลิกด่ากันได้แล้วว่าคนนั้นคนนี้ คนโน้นทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่พูดไม่ได้ทำอะไรที่ดีขึ้น คิดว่า ณ เวลานี้ถึงเวลาที่ควรจะมารณรงค์ให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจ ให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่เข้าไประงับเหตุช่วยเหลือตัวประกันที่ติดอยู่ภายในห้างกันดีกว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปทุกคนรู้ว่าคนร้ายมีอาวุธที่ร้ายแรงสามารถยิงทะลุเสื้อเกราะได้ แต่ก็ยังเข้าไปเพื่อเอาตัวเองเป็นเป้าล่อให้คนร้ายออกมาจนสามารถวิสามัญคนร้ายและจบเหตุการณ์ที่ร้ายแรงลงได้ ถึงเวลานี้อยากให้ทุกคนเข้าไปให้ความสนใจ ให้ความช่วยเหลือกับครอบครอบของนายตำรวจที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัว และคนที่ได้รับบาดเจ็บมากกว่า ตนอยากให้ความช่วยเหลือโดยตรงกับทางทายาทของผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าช่วยเหลือและต่อสู้กับคนร้าย
ในส่วนของนายตำรวจชุดอรินทราช ที่เสียชีวิตทั้ง 2 นาย ตนยินดีสนับสนุนช่วยเหลือรายละ 10,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรายละ 5,000 บาท แม้เงินจะจำนวนไม่มาก แต่ตนก็ต้องการจุดกระแสให้เลิกด่ากันและหันมายกย่องคนที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่นกันดีกว่าที่จะไปนั่งด่ากันผ่านทางสื่อโซเชียล
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า จากการฟังคลิปเสียง และคลิปต่างๆ จะเห็นว่าตำรวจชุดอรินทราช เป็นตำรวจแถวหน้าที่เข้าไปเพื่อล่อเป้าให้เห็นตัวคนร้าย รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะต้องตาย แต่ก็ไม่มีใครถอย คนเหล่านี้สมควรที่จะได้รับการยกย่องเชิดชูและให้ความช่วยเหลือ เพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะยังมีใครเข้าไปให้ความสนใจอีกมากน้อยแค่ไหน ขอให้คนไทยอย่าลืมคนที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นเร็วแบบไฟไหม้ฟาง อยากให้จดจำเขาไปตราบนานเท่านาน
เมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ กิตติศักดิ์ เสียงสลัก โพสต์ข้อความพร้อมภาพนิ่งระบุว่า “ร่วมกันหยุดวิจารณ์การทำงาน หยุดต่อว่า ช่วยกันแชร์ ช่วยกันเยียวยา ช่วยกันสรรเสริญบุคคลที่เสียสละ ช่วยกันสนับสนุนคนที่เสี่ยงชีวิต เจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือครอบครัวที่สูญเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้กันดีกว่า
วอนสื่อมวลชนนำเสนอแต่ฝั่งฮีโร่ได้ไหมครับ ผมไม่อยากรับรู้ข่าวฝั่งคนก่อเหตุ ไม่อยากรับรู้ประวัติใดๆ ไม่อยากฟังแถลงข่าวจากนายกฯ ไม่อยากฟังสรุปปฏิบัติการใดๆ อีก วอนทุกคนช่วยแชร์ข่าวของวีรบุรุษที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อภารกิจนี้จะได้ไหมครับ ผมอยากรู้จักทุกท่านที่เสียสละ ด้วยหัวจิตหัวใจของคำว่าหน้าที่ที่จะปกป้องไว้ซึ่งความถูกต้อง สำนักข่าวใดนำเสนอเรื่องนี้มากผมจะสนับสนุนช่องนั้น ผมไม่รู้นะว่าเจ้าหน้าที่เสียชีวิตกี่รายในการเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันในเหตุการณ์
แต่ทุกท่านที่เสียชีวิต ผมขอบมอบเงินทำบุญให้ครอบครัวท่านละ 10,000 บาท ส่วนท่านที่ได้รับบาดเจ็บ ช่วยเหลือท่านละ 5,000 บาท เฉพาะท่านที่เสียสละเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันในห้างเทอมินอล 21 เท่านั้นนะครับ ส่วนเพื่อนๆ หรือเจ้าของกิจการท่านใดที่เห็นด้วยกับผม อยากร่วมกันเปลี่ยนสังคมเน่าๆ ให้มันมีสิ่งดีๆ เพิ่มขึ้นก็ช่วยๆ กันนะครับ คนละเล็กคนละน้อยเพื่อสังคมที่ดีกว่า ตอนนี้ที่อยากทราบ คือ เจ้าหน้าที่เสียชีวิตกี่นาย บาดเจ็บกี่นายครับ แชร์ให้ถึงสำนักข่าวเพราะเราอยากช่วยฮีโร่ของเราบ้าง ก็เท่านั้น ไม่ได้อยากดัง แต่อยากทำด้วยหัวใจ อุ๊ หยัดใจได้ 09/2/2563”
อย่างไรก็ตาม หลังมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวก็มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เจ้าของเฟซบุ๊กคนดังกล่าวคือ นาย กิตติศักดิ์ เสียงสลัก นักธุรกิจเจ้าของ House of cars บริเวณถนนบายพาส อ.เมือง จ.ภูเก็ต
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ที่ออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าวไม่ได้ต้องการเกาะกระแส แต่รู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรจะเลิกด่ากันได้แล้วว่าคนนั้นคนนี้ คนโน้นทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่พูดไม่ได้ทำอะไรที่ดีขึ้น คิดว่า ณ เวลานี้ถึงเวลาที่ควรจะมารณรงค์ให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจ ให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่เข้าไประงับเหตุช่วยเหลือตัวประกันที่ติดอยู่ภายในห้างกันดีกว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปทุกคนรู้ว่าคนร้ายมีอาวุธที่ร้ายแรงสามารถยิงทะลุเสื้อเกราะได้ แต่ก็ยังเข้าไปเพื่อเอาตัวเองเป็นเป้าล่อให้คนร้ายออกมาจนสามารถวิสามัญคนร้ายและจบเหตุการณ์ที่ร้ายแรงลงได้ ถึงเวลานี้อยากให้ทุกคนเข้าไปให้ความสนใจ ให้ความช่วยเหลือกับครอบครอบของนายตำรวจที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัว และคนที่ได้รับบาดเจ็บมากกว่า ตนอยากให้ความช่วยเหลือโดยตรงกับทางทายาทของผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าช่วยเหลือและต่อสู้กับคนร้าย
ในส่วนของนายตำรวจชุดอรินทราช ที่เสียชีวิตทั้ง 2 นาย ตนยินดีสนับสนุนช่วยเหลือรายละ 10,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรายละ 5,000 บาท แม้เงินจะจำนวนไม่มาก แต่ตนก็ต้องการจุดกระแสให้เลิกด่ากันและหันมายกย่องคนที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่นกันดีกว่าที่จะไปนั่งด่ากันผ่านทางสื่อโซเชียล
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า จากการฟังคลิปเสียง และคลิปต่างๆ จะเห็นว่าตำรวจชุดอรินทราช เป็นตำรวจแถวหน้าที่เข้าไปเพื่อล่อเป้าให้เห็นตัวคนร้าย รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะต้องตาย แต่ก็ไม่มีใครถอย คนเหล่านี้สมควรที่จะได้รับการยกย่องเชิดชูและให้ความช่วยเหลือ เพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะยังมีใครเข้าไปให้ความสนใจอีกมากน้อยแค่ไหน ขอให้คนไทยอย่าลืมคนที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นเร็วแบบไฟไหม้ฟาง อยากให้จดจำเขาไปตราบนานเท่านาน
