ปัตตานี - The Patani กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเชื่อ “บีอาร์เอ็น” ไม่เอาเอกราชแล้ว แม้ไม่พูดแต่การเข้าสู่การพูดคุยก็ถือว่าเป็นการยอมรับ แนะควรให้ประชาชนแสดงความเห็นเรื่อง “เอกราช” เหตุเป็น “คุณค่าศักดิ์สิทธิ์”
เพจ Patani NOTES รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายอาเต็ฟ โซ๊ะโก รักษาการประธานคณะกรรมการกำกับยุทธศาสตร์ The Patani ที่นิยามตัวเองว่าเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกำหนดอนาคตทางการเมืองของตัวเอง ที่ตั้งข้อสังเกตถึงจุดยืนที่เปลี่ยนไปของบีอาร์เอ็นหลังการเปิดตัวเข้าร่วมเจรจากับคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนรัฐบาลไทย ที่นำโดย พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ว่า พวกเขาคือตัวจริง แม้ไม่พูดว่าไม่เอาเอกราชแล้ว แต่การขึ้นเวทีนี้ก็คือการยอมรับกลายๆ หลังจาก 16 ปีของความขัดแย้งในพื้นที่ บีอาร์เอ็น หรือ Barisan Revolusi Nasional ในฐานะองค์กรที่หลายฝ่ายเชื่อว่ากุมสภาพนักรบในพื้นที่นั้นได้เปลี่ยนเป้าหมายของตัวเองไปแล้วจากการเข้าสู่เวทีพูดคุยหนนี้ ทั้งนี้ บีอาร์เอ็นควรชี้แจงในระดับหนึ่งด้วยว่า นี่คือการกำหนดเป้าหมายใหม่ของพวกเขาใช่หรือไม่ บีอาร์เอ็นควรจะชัดเจนว่า การต่อสู้ของพวกเขาคือสิ่งใด พวกเขาควรจัดการภายในแล้วออกมาสื่อสาร
“การจะทำให้การพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกต่อสถานการณ์ในพื้นที่เป็นการหาทางออกที่เป็นจริงและยั่งยืนได้ ถึงที่สุดจะต้องนำเอาเรื่องความต้องการเอกราชไปคุยด้วย รวมถึงเรื่องที่ว่าประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ ผมเชื่อว่า มันเป็น ‘คุณค่าศักดิ์สิทธิ์’ สำหรับประชาชนจำนวนไม่น้อย การปิดหนทางไม่ให้ผู้คนพูดถึงเรื่องนี้จะสร้างปัญหาในระยะยาว ไม่ส่งเสริมการแสวงหาทางออกที่ยั่งยืน”
Patani NOTES อ้างคำกล่าวของนายอาเต็ฟ ว่า แนวทางการก่อเหตุในพื้นที่ ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่ากลุ่มบีอาร์เอ็นได้เปลี่ยนเป้าหมายการต่อสู้ด้วย ในอดีตกลุ่มบีอาร์เอ็นเคยตั้งคำถามกับกลุ่มที่ลดเป้าหมายการต่อสู้ลงเหลือเป็นความต้องการเอกราช และที่ผ่านมา บีอาร์เอ็นก็ได้เคยตั้งเงื่อนไขเข้าร่วมพูดคุยสันติภาพไว้สูง ขณะนี้สภาพการณ์ดูจะยังไม่ชัดเจนนักว่า กลุ่มบีอาร์เอ็นตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ในเวลานี้หรือไม่
“องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้บีอาร์เอ็นยืนหยัดการต่อสู้มาได้อย่างยาวนานก็ด้วยความเป็นองค์กรลับ การเข้าสู่เวทีพูดคุยย่อมเป็นเสมือนหนึ่งการเปิดตัว ซึ่งนั่นจะหมายถึงเป็นการสูญเสียอำนาจต่อรองของพวกเขาเองหรือไม่ ต่อจากนี้บีอาร์เอ็นจะใช้อะไรในการต่อรอง และพวกเขาจะลดทอนอำนาจต่อรองของรัฐไทยลงเพื่อให้อยู่ในระดับสมดุลกันได้หรือไม่”