กระบี่ - ผู้ว่าฯ กระบี่กำชับเจ้าหน้าที่คัดกรองเข้ม สแกนโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา ชาวจีนเมืองอู่ฮั่น ช่วงตรุษจีน เผยยกเลิกเที่ยวบินแล้ว 1 เที่ยว
พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดกระบี่ เพื่อไปให้กำลังแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำเครื่องเทอร์โมสแกน ที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดสแกนคัดกรองผู้โดยสารที่มีอาการไข้สูง ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และจุดพักผู้ป่วยโดยเฉพาะชาวจีนที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน กับเที่ยวบินที่บินตรงมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดกระบี่
ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดให้มากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามายังจังหวัดกระบี่เป็นจำนวนมาก โดยท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดกระบี่ ได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา ไม่ให้แพร่กระจายเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกระบี่
โดยมีเที่ยวบินเอ็มยู 2639 สายการบินไชน่าเอสเท็นแอร์ไลน์ เที่ยวแรกที่บินตรงมาลงที่จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 เวลา 00.50 น. จนถึงวันนี้มีเที่ยวบินจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน มาลงที่สนามบินนานาชาติกระบี่ รวม 3 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 504 คน ล่าสุด วันที่ 22 มกราคม 2563 ได้พบหญิงชาวจีนวัย 35 ปี ที่มาจากเมืองอู่ฮั่น มีอาการไข้ได้พาเข้าไปกักตัวพักรักษารอดูอาการที่ห้องแยกโรคติดเชื้อทางอากาศ ของโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ ขณะนี้อาการไข้ลดลงแต่ต้องรอดูอาการต่อไปจนครบ 24 ชั่วโมง แพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้าน หรือไปท่องเที่ยวต่อได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับการประสานจากสายการบินแล้ว ว่า ในวันที่ 25 ม.ค. เวลา 05.50 น. ซึ่งเป็นเที่ยวบินไชน่าอิสเทอร์แอร์ไลน์จากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ได้ยกเลิกการบินตรงมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดกระบี่แล้วจำนวน 1 เที่ยวบิน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทางการประเทศจีนยอมรับว่าเข้าขั้นร้ายแรงที่สุดในการป้องกันและควบคุมโรคได้ โดยประกาศห้ามเดินทางไปเมื่ออู่ฮั่นและห้ามบุคคลในเมืองดังกล่าวเดินทางออกนอกพื้นที่ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในมณฑลหูเป่ย เพิ่มเป็น 17 คน และยืนยันมีผู้เสียชีวิตรวม 444 คน หลังจากก่อนหน้านี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 คน ส่วนผู้ที่อยู่กับผู้ป่วยและถูกแยกตัวเพื่อสังเกตดูอาการในพื้นที่ควบคุม 2,197 คน และประเทศไทยพบผู้ป่วยรวม 4 ราย
พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดกระบี่ เพื่อไปให้กำลังแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำเครื่องเทอร์โมสแกน ที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดสแกนคัดกรองผู้โดยสารที่มีอาการไข้สูง ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และจุดพักผู้ป่วยโดยเฉพาะชาวจีนที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน กับเที่ยวบินที่บินตรงมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดกระบี่
ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดให้มากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามายังจังหวัดกระบี่เป็นจำนวนมาก โดยท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดกระบี่ ได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา ไม่ให้แพร่กระจายเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกระบี่
โดยมีเที่ยวบินเอ็มยู 2639 สายการบินไชน่าเอสเท็นแอร์ไลน์ เที่ยวแรกที่บินตรงมาลงที่จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 เวลา 00.50 น. จนถึงวันนี้มีเที่ยวบินจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน มาลงที่สนามบินนานาชาติกระบี่ รวม 3 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 504 คน ล่าสุด วันที่ 22 มกราคม 2563 ได้พบหญิงชาวจีนวัย 35 ปี ที่มาจากเมืองอู่ฮั่น มีอาการไข้ได้พาเข้าไปกักตัวพักรักษารอดูอาการที่ห้องแยกโรคติดเชื้อทางอากาศ ของโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ ขณะนี้อาการไข้ลดลงแต่ต้องรอดูอาการต่อไปจนครบ 24 ชั่วโมง แพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้าน หรือไปท่องเที่ยวต่อได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับการประสานจากสายการบินแล้ว ว่า ในวันที่ 25 ม.ค. เวลา 05.50 น. ซึ่งเป็นเที่ยวบินไชน่าอิสเทอร์แอร์ไลน์จากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ได้ยกเลิกการบินตรงมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดกระบี่แล้วจำนวน 1 เที่ยวบิน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทางการประเทศจีนยอมรับว่าเข้าขั้นร้ายแรงที่สุดในการป้องกันและควบคุมโรคได้ โดยประกาศห้ามเดินทางไปเมื่ออู่ฮั่นและห้ามบุคคลในเมืองดังกล่าวเดินทางออกนอกพื้นที่ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในมณฑลหูเป่ย เพิ่มเป็น 17 คน และยืนยันมีผู้เสียชีวิตรวม 444 คน หลังจากก่อนหน้านี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 คน ส่วนผู้ที่อยู่กับผู้ป่วยและถูกแยกตัวเพื่อสังเกตดูอาการในพื้นที่ควบคุม 2,197 คน และประเทศไทยพบผู้ป่วยรวม 4 ราย
