xs
xsm
sm
md
lg

คาใจทำไมยังอยู่ได้ทั้งที่เอกชนหมดสัมปทาน จี้ยึดคืนสวนปาล์มให้ชาวบ้านไร้ที่ทำกิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

กระบี่ - ชาวบ้านคาใจ บริษัทยูนิฯ หมดสัญญาแล้วแต่ยังอยู่ได้ เผยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ไปไล่แล้ว ยังดื้อไม่ยอมออก ขณะที่ชาวบ้านเขตรอยต่อ จ.กระบี่-สุราษฎร์ธานี บุกยึดสวนปาล์ม จี้รัฐจัดสรรให้คนจน





ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่แปลงเพาะกล้าปาล์มน้ำมัน ของบริษัท ยูนิวานิช จำกัด (มหาชน) ติดกับถนนสายเซาท์เทิร์น ขาเข้ากระบี่ ม.8 ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เนื้อที่ประมาณ 350 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นสวนปาล์มน้ำมันที่หมดอายุสัมปทาน เนื้อที่กว่า 18,000 ไร่ หลังจากที่ได้ทำการตรวจยึดพื้นที่คืน เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมแจ้งให้บริษัทฯ ทำการขนย้ายทรัพย์สิน เครื่องจักร ต้นกล้าปาล์มน้ำมัน รวมกว่า 7 แสนต้น ออกจากพื้นที่ภายในระยะเวลา 45 วัน แต่จนถึงวันนี้ทางบริษัทยังคงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่


นายสมใจ นวลนุ่น อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เขต 1 จ.กระบี่ ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มเรียกร้องที่ดินทำกิน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนได้นำชาวบ้านเดินทางมาที่ศาลากลางหลายครั้งแล้ว เพื่อทวงถามความคืบหน้าการจัดสรรที่ดินสวนปาล์มน้ำมันที่หมดอายุสัมปทาน ให้แก่คนที่ไม่มีที่ดินทำกิน และการขออนุญาตเก็บหาของป่า พื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของ บริษัท ยูนิวานิช จำกัด ที่หมดอายุสัมปทานมากว่า 6 ปี แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากกรมป่าไม้ ส่วนพื้นที่ทั้งหมดที่หมดอายุสัมปทานกรมป่าไม้ ต้องยึดคืนมาได้แล้ว


นายสมใจ กล่าวด้วยว่า สำหรับแปลงเพาะกล้าปาล์มน้ำมัน ของบริษัทยูนิวานิช จำกัด (มหาชน) ทางกรมป่าไม้ ได้เข้าทำการตรวจยึดพื้นที่แปลงเพาะต้นกล้า ปาล์มน้ำมัน และอาคารสำนักงาน บ้านพักคนงาน รวมพื้นที่ประมาณ 350 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นสวนปาล์มน้ำมันที่หมดอายุสัมปทาน เนื้อที่กว่า 18,000 ไร่ หลังจากที่ได้ทำการตรวจยึดพื้นที่คืนแล้วเมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมแจ้งให้ขนย้ายทรัพย์สิน เครื่องจักร และต้นกล้าปาล์มน้ำมัน รวมกว่า 7 แสนต้น ออกจากพื้นที่ภายในระยะเวลา 45 วัน


จนถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 5 เดือนแล้ว บริษัทฯ ก็ยังคงเข้าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ รดน้ำต้นกล้าปาล์มน้ำมัน โดยไม่มีการขนย้ายออก และมีท่าทีว่าจะเพาะกล้าพันธุ์ปาล์มเพิ่มอีก ซึ่งตนไม่เข้าใจว่ากฎหมายของกรมป่าไม้ มีการบังคับใช้อย่างไร ระหว่างคนจนกับคนรวย ใช้กฎหมายตัวเดียวกันหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าหากเป็นของชาวบ้านคงจะถูกจับกุมดำนินคดีไปนานแล้ว และด้วยสาเหตุความไม่เป็นธรรมดังกล่าวนี้ พวกตนจึงต้องรวมตัวกันชุมประท้วงเรียกร้องให้มีการนำที่ดินที่หมดสัญญาสัมปทานทั้งหมด ไม่เฉพาะในพื้นที่ จ.กระบี่ กลับจากนายทุนมาจัดสรรให้คนจน

ซึ่งทุกวันนี้ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ ยังคงมีชาวบ้านรวมตัวปักหลักชุมนุมรียกร้องที่ดินทำกินมากว่า 100 วัน และได้ยื่นขออนุญาตชุมนุมออกไปอีก 500 วัน โดยไม่ยอมกลับบ้าน ถึงแม้ว่าทางจังหวัดกระบี่จะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ชาวบ้านเลิกการชุมนุม แม้กระทั่งฟ้องร้องต่อศาล แต่ศาลก็ยังเมตตากลุ่มผู้ชุมนุม ให้ชุมนุมได้ตามคำขออีก 500 วัน


สำหรับ บริษัท ยูนิวานิช จำกัด ได้ขออนุญาตกรมป่าไม้เช่าสัมปทานพื้นที่ป่าปลูกปาล์มน้ำมันเนื้อที่ประมาณ 2 หมื่นไร่ ในพื้นที่ อ.ปลายพระยา เมื่อ พ.ศ.2526 และหมดอายุเช่าสัมปทาน เมื่อปี พ.ศ.2556 บริษัท ยูนิชวานิช จำกัด ไม่ยอมคืนที่ดินให้กรมป่าไม้ โดยอ้างว่าอยู่ระหว่างการยื่นขอต่ออนุญาตสัมปทาน และยังอ้างด้วยว่าพื้นที่บางส่วนมีเอกสารสิทธิครอบครองชอบด้วยกฎหมาย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางป่าไม้กระบี่ ได้ตรวจยึดพื้นที่คืน แต่บริษัทฯ ก็ยังดื้อไม่ยอมออก และยังได้ฟ้องแพ่ง นายสมชาย นุชนานนท์เทพ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ต่อศาลจังหวัดกระบี่ ข้อหาลิดรอนสิทธิ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่ชาวบ้านเขตรอยต่อ จ.กระบี่ และ จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 200 คน ได้รวมตัวกันบุกยึดสวนปาล์มหมดสัญญาสัมปทานของบริษัทแสงสวรรค์ปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ เนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากหมดอายุสัมปทาน ปี 57 เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำที่ดินจัดสรรให้แก่คนที่ไม่มีที่ดินทำกินโดยเร็วเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น