นครศรีธรรมราช - สมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เอกชนร่วม 200 คน บุกที่ว่าการอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดนเบี้ยวสัญญาเดือดร้อนกันทั่วหน้า ตรวจพบเลิกดำเนินงานไปแล้ว แต่ยังหาสมาชิกอยู่คล้าย “แชร์ลูกโซ่”
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่ว่าการอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นายองอาจ หนูทองแก้ว และนายวีระสิทธิ์ ลิ้มจิตร นำสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ บริษัท วินเนอร์สตาร์ เนตเวิร์ค จำกัด กว่า 200 คน ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี และ จ.สตูล มารวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอำเภอทุ่งสง กรณีบริษัท วินเนอร์สตาร์ เนตเวิร์ค จำกัด ให้เป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ บริษัทฯ แต่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาจนเดือดร้อนอย่างหนัก
ทั้งนี้ บริษัท วินเนอร์สตาร์ เนตเวิร์ค จำกัด อ้างว่าได้จดทะเบียนกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือสมาชิกผู้ด้อยโอกาส ผู้จะสมัครเป็นตัวแทนต้องหาสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ เสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 6,850 บาท โดยมีนายหน้าก็จะได้รับเงินส่วนแบ่งรายละ 2,000 บาท ส่วนผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 1,700 บาท แล้วตัวแทนที่หาสมาชิกจะได้ค่าตอบแทนคนละ 400 บาท
สำหรับผู้เข้าร่วมเป็นสมาชิกจะเสียค่าฌาปนกิจศพรายละ 10 บาท ซึ่งจะเก็บเงินเมื่อสมาชิกเสียชีวิตรวมกันได้ 25 คน ส่วนสัญญาจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน หากเสียชีวิตก่อนกำหนดทางบริษัทฯ จะคืนเงินให้ โดยในเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตจะได้เงินช่วยเหลือจากฌาปนกิจสงเคราะห์ของบริษัทฯ รายละ 140,000 บาท แต่ทางสมาคมฯ จะหักเงินไว้ 15 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำไปจ่ายให้แก่บริษัทฯ 7.5 เปอร์เซ็นต์ และให้ตัวแทนบริษัทฯ 7.5 เปอร์เซ็นต์ โดยจะมีสมาชิกทั่วประเทศมากกว่า 100,000 คน
ต่อมา ทางบริษัทฯ ไม่จ่ายเงินค่าฌาปนกิจศพตามสัญญา อ้างว่าสมาชิกลดลง จึงจ่ายค่าศพรายละประมาณ 60,000 บาท แต่ยังคงหักเงินไว้ 15 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม ระบุว่า หากใครไม่จ่ายค่าฌาปนกิจศพจะถูกตัดชื่อออกจากสมาชิกฯ ส่วนความเดือดร้อนคือ สมาคมฯ เรียกเก็บเงินค่าศพมาก แต่ไม่จ่ายค่าฌาปนกิจศพ ปรับเปลี่ยนระบบสัญญาโดยไม่แจ้งให้สมาชิกทราบ การเรียกประชุมสัมมนาตัวแทนต้องจ่ายคนละ 1,200 บาท หากไม่เข้าประชุมก็จะถูกตัดสิทธิทันที
สำหรับบริษัทดังกล่าวอยู่ที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งตัวแทน และสมาชิกได้ตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ ยกเลิกการดำเนินงานไปแล้ว แต่ก็ยังมีการหาสมาชิกตามปกติ การดำเนินงานคล้ายแชร์ลูกโซ่ จึงได้รวมตัวกันมาเรียกร้องให้ส่วนราชการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย โดยมีปลัดอาวุโสอำเภอทุ่งสง มารับเรื่อง และแจ้งว่าจะดำเนินการตามข้อเรียกร้อง โดยทำการตรวจสอบข้อมูลประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อตรวจสอบกรณีตามร้องเรียน และดำเนินการต่อไปแล้ว
