ตรัง - คนเก็บขยะรีไซเคิลกำลังเดือดร้อนหนัก จากปัญหาราคาขยะตกต่ำรายวันโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่ผู้บริหารเทศบาลนครตรัง จี้รัฐบาลให้เข้ามาช่วยแก้ และไม่ควรนำเข้าขยะจากต่างประเทศ
วันนี้ (11 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบปัญหาราคาขยะรีไซเคิลตกต่ำ จากชาวบ้านที่ยึดอาชีพเก็บขยะส่งขายเลี้ยงชีพ และครอบครัว ภายในบ่อกำจัดขยะเทศบาลนครตรัง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บางรัก อ.เมืองตรัง พบว่า ขณะนี้ชาวบ้านที่ยึดอาชีพเก็บขยะส่งขายเป็นขยะรีไซเคิล ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาราคาขยะรีไซเคิลตกต่ำ ทั้งนี้ ทุกคนต่างบอกว่าราคาขยะทุกชนิดมีราคาตกรายวัน ทั้งกระดาษลัง กระดาษสี กระดาษขาวดำ ขวด พลาสติกทุกชนิด จนแทบจะไม่มีราคา โดยที่พวกตนไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดจากปัญหาอะไร แต่ก็ต้องออกมาทำงานเก็บขาย เนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องเลี้ยงครอบครัว
อย่างเช่นขวดพลาสติกใส จากเดิมมีราคา กก.ละกว่า 10 บาท แต่ล่าสุดกลับเหลือ กก.ละ 6 บาท หรือกระดาษขาวดำ จากเดิม กก.ละ 7 บาท แต่ล่าสุดกลับลดลงมาทุกวันๆ ละ 1 บาท จนขณะนี้เหลือ กก.ละ 1 บาทเท่านั้น ส่วนขยะที่เป็นกระดาษสีแทบไม่มีราคาอีกเลย จากเดิม กก.ละ 3 บาท แต่ล่าสุดกลับเหลือ กก.ละ 10-50 สตางค์ จนขณะนี้โรงงานสั่งหยุดรับซื้อขยะกระดาษชั่วคราว สำหรับกระป๋องทั่วไป จากเดิม กก.ละ 4-5 บาท ล่าสุด ลดลงเหลือ กก.ละ 2 บาท ทำให้รายได้ของคนเก็บขยะหายไปครึ่งหนึ่ง และเหตุการณ์ราคาขยะรีไซเคิลตกต่ำเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าขยะภายในประเทศขณะนี้มีมากเพียงพอที่เราสามารถกำจัดได้ โดยเฉพาะรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการนำขยะกลับมาใช้ซ้ำ ซึ่งสามารถทำให้ปริมาณขยะลดลง แต่หากมีการนำเข้าขยะจากต่างประเทศจะส่งผลกระทบอย่างแน่นอนต่อรายได้ ทั้งกับผู้เก็บขยะซึ่งเป็นชาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำเพื่อเลี้ยงปากท้อง และครอบครัว รวมทั้งผู้รับซื้อขยะ จะทำให้ขาดแรงจูงใจในการเก็บ และซื้อขยะ หรือทำให้การคัดแยกขยะลดน้อยลง จนทำให้ขยะบางชนิดมีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
ดังนั้น รัฐบาลควรจะพิจารณาปัญหาโดยภาพรวมของเรื่องนี้ เพราะจะทำให้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ขณะที่ท้องถิ่นซึ่งมีหน้าที่บริหารจัดการขยะ ก็จะต้องแบกรับภาระมากยิ่งขึ้น เนื่องจากขยะเป็นปัญหาใหญ่ของทุกจังหวัดอยู่แล้ว
