ผัวฝังศพเมียต้องรอยืนยันจุดชัดเจน ตร.แจ้งข้อหามียาเสพติดในครอบครองไปก่อน

ชุมพร - คืบหน้าผัวฝังศพเมียแค่ดำเนินคดีมียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครอง พร้อมนำตัวฝากขัง ส่วนการขุดหาศพสอบสวนต้องรอสอบสวนผู้ต้องหาชี้ยืนยันจุดชัดเจน ส่วนผู้จัดการตลาดยินดีให้ความร่วมมือไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่ต้องมีศพจริง

จากกรณี นางสาวอำพร อำไพ อายุ 24 ปี นายสมหมาย สุขมนตรี อายุ 17 ปี ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน บ้านอยู่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความว่า นายสมบูรณ์ สุขมนตรี อายุ 52 ปี ผู้เป็นพ่อได้ก่อเหตุฝังศพ นางสาวบุปผา อำไพ อายุ 58 ปี ผู้เป็นภรรยาและเป็นแม่ของลูกทั้งสองคน เมื่อเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจควบคุมตัวนายสมบูรณ์ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไปซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านพักคนงานบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุโดยอ้างว่าภรรยาเป็นคนติดเหล้าอย่างหนักและเมาเป็นลมเสียชีวิต แต่ด้วยฐานะยากจนจึงนำศพภรรยาไปฝังเองโดยไม่บอกใคร แต่ขณะกำลังจะฝังศพภรรยาไว้ที่โคนต้นไม้ใกล้กับบ้านพักคนงานในช่วงตอนค่ำซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดเอกชนแห่งหนึ่งริมถนนเขาเงินเขตเทศบาลเมืองหลังสวน และขณะนั้นได้มีนายสมหมายลูกชายซึ่งตอนนั้นอายุ 15 ปี กลับจากธุระในตัวอำเภอหลังสวนมาเห็นเข้าพอดีจึงขู่ลูกชายห้ามไปบอกใครมิฉะนั้นจะฆ่าแล้วฝังศพไว้ในหลุมเดียวกัน จนกระทั่งลูกชายเพิ่งจะมาสารภาพกับพี่สาวเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา แล้วเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หลังสวน จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายสมบูรณ์ผู้เป็นพ่อและลูกชายไปชี้จุดฝังศพบริเวณตลาดแห่งหนึ่งในเดิมเป็นสวนผลไม้แต่ปัจจุบันเจ้าของได้พัฒนาเป็นตลาดและสถานที่จัดงานอีเว้นท์ต่างๆ แต่ยังไม่พบศพจึงยุดติการค้นหานั้น


ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ ( 6 พ.ย.) พ.ต.ท.จิรดลต์ สมตน สว.(สอบสวน) หลังสวน ได้คุมตัว นายสมบูรณ์ สุขมนตรี อายุ 52 ปี มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนายสมบูรณ์ยังอ้างเหมือนเดิมว่าไม่ได้ฆ่าภรรยาตนเองแต่ไปพบภรรยาตนเองเมาเหล้าอย่างหนักจนเป็นลมตายอยู่ริมทางเข้าบ้านพักคนงาน จึงตัดสินใจลากศพไปขุดหลุมฝังไว้ใต้โคนต้นไม้ซึ่งปัจจุบันเป็นอาคารห้องน้ำของตลาดดังกล่าว เนื่องจากตนมีฐานนะยากจนไม่มีเงินทำศพภรรยา แต่อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อมากนัก โดยตำรวจได้แจ้งข้อหานายสมบูรณ์มียาเสพติดให้โทษประเภท 3 (กัญชาและพืชกระท่อม) ไว้ในความครอบครองไว้ก่อน เนื่องจากการตรวจค้นภายในบ้านพักเจอกัญชาและน้ำต้มพืชกระท่อมไว้จำนวนหนึ่ง หลังสอบปากคำเสร็จตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากศาลศาลจังหวัดหลังสวน โดยไม่มีญาติมายื่นประกันตัวแต่อย่างใด

พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู ผกก.สภ.หลังสวน กล่าวว่า คดีนี้ต้องรอผลการสอบสวนพยานหลักฐานอย่างชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจากเดิมเมื่อ 2 ปีที่แล้วเป็นสวนผลไม้แต่ปัจจุบันเจ้าของได้พัฒนาถนที่ดินปลูกสร้างอาคารเป็นตลาดจึงอาจทำให้มีการชี้จุดคลาดเคลื่อนได้

ด้าน พ.ต.ท.จิรดล สมตน สภ.สว.(สอบสวน) หลังสวน กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อยืนยันหาจุดฝังศพที่ชัดเจน เนื่องจากทั้งพ่อและลูกยังชี้จุดฝังศพสับสนไม่ชัดเจน ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ไปขุดหาศพในจุดที่ลูกชายชี้ยืนยันซึ่งอยู่หน้าอาคารห้องน้ำสำนักงานแต่ยังไม่เจอศพ ในขณะที่นายสมบูรณ์ผู้เป็นพ่อชี้จุดฝังศพอยู่ใต้อาคารห้องน้ำสำนักงาน ห่างกันประมาณ 3 เมตร ดังนั้นจึงต้องสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากการขุดหาศพใต้อาคารต้องมีค่าใช้จ่าย ขณะที่เจ้าของตลาดก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

ด้านนายธเนศ สร้างถาวร อายุ 40 ปี ผู้จัดการตลาดสดมรกต 2 กล่าวว่าตนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยใช้รถแม็กโครของบริษัทขุดตักหาศพเมื่อวานตรงจุดที่ลูกชายผู้ตายชี้แต่ก็ไม่เจอ ส่วนใต้อาคารห้องน้ำใกล้จุดเดียวกันที่ผู้เป็นสามีของผู้ตายชี้นั้นต้องรอความชัดของเจ้าหน้าที่ ถ้าหากมีศพอยู่จุดนั้นจริงตนยินดีให้ขุดน้ำศพขึ้นมาชันสูตรและทำบุญตามประเพณี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่เจอตนก็ต้องคิดค่าใช้จ่ายซึ่งได้ลงทุนปรับพื้นที่วางเสาเข็ม สร้างอาคารหมดเงินไปกว่า 2 ล้านบาท ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเสียก่อน

นายธเนศ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่านายสมบูรณ์ผู้ถูกกล่าวหาและลูกชายยังให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ยังปกปิดบางอย่าง เพราะช่วงที่มีการปรับพื้นที่สร้างอาคารมาปีกว่าแล้ว ช่วงนั้นถ้ามีการฝังศพบริเวณดังกล่าวจริง การขุดปรับพื้นที่ทำตลาดจะต้องเจอศพ เพราะเวลาห่างกันไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง

ขณะที่ น.ส.อำพร อำไพ อายุ 24 ปี ลูกสาวผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากที่น้องชายสารภาพความจริงว่าพ่อลากศพแม่ไปฝังไว้ใต้โคนต้นกระถินเทพาใกล้กับหน้าบ้านพักคนงาน ตนก็ได้ไปพูดคุยกับพ่อซึ่งปัจจุบันไปมีภรรยาใหม่แล้ว โดยพ่อบอกว่าแม่เมาเหล้าอย่างหนักจนเป็นลมตายเอง ตนจึงนำศพแม่ไปขุดหลุมฝัง ศพไว้เนื่องจากมีฐานะยากจนไม่ต้องการไปรบกวนลูกและญาติพี่น้องโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อลูกชายกลับมาบ้านเห็นเข้าก็พูดจาข่มขู่ให้ช่วยกันปิดบังห้ามไปบอกความจริงกับผู้ใด


น.ส.อำพรกล่าวต่อว่า หลังจากทราบความจริงตนกับน้องชายจึงไปแจ้งตำรวจเพื่อให้ขุดหาศพแม่ขึ้นมาทำบุญตามประเพณีเพื่อแม่จะได้ไปผุดไปเกิด ซึ่งตนไม่เชื่อว่าพ่อจะมีเจตนาฆ่าแม่แต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้ตนไม่ขอพูดอะไรอีกแล้วเพราะตำรวจสั่งห้ามตนไม่ให้สัมภาษณ์กับข่าวคนใดอีกเพราะจะเกิดปัญหาตามมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ น.ส.อำพรนัดเจอกับผู้สื่อข่าวบริเวณบ้านพักคนงานและจุดที่พ่อชี้ยืนยันเพื่อฝังศพซึ่งที่ 2 แห่งอยู่ห่างกันเพียง 10 เมตร ในช่วงบ่ายเมื่อถึงเวลานัดหมายผู้สื่อข่าวโทรไปหาแต่ไม่ยอมรับสายและมาพบกับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด