กระบี่- ชาวบ้านเตรียมต้อนรับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ แก้ไขปัญหากลุ่มอิทธิพลครอบครองพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม จังหวัดกระบี่ กว่า 7 หมื่นไร่
นายขจิตร ผลอินทร์ คนไร้ที่ดินทำกิน แกนนำกลุ่มกระบี่น้อย กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ในวันที่ 12 ต.ค.นี้ ว่า ขณะนี้ชาวบ้านได้จัดเตรียมสถานที่ภายในสวนปาล์มน้ำมัน ของบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด ม.10 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ เตรียมต้อนรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ที่จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหานายทุนอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่ ส.ป.ก.ของบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด จ.กระบี่ โดยทำการยึดที่ดินคืน และนำมาให้ ส.ป.ก.จัดสรรให้แก่เกษตรกร ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)
เนื่องจากที่ผ่านมา ได้ยึดคืนมาตามคำสั่งหัวหน้า คสช. 36/59 แปลงเลขที่ 601 เนื้อที่ 7,183 ไร่ ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ และ จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 700 ไร่ แต่ ส.ป.ก. ยังจัดสรรให้เกษตรกรเข้าทำกินไม่ได้ เนื่องจากเข้าพื้นที่ไม่ได้ เพราะมีกลุ่มอิทธิพลของนายทุนยังครอบครองพื้นที่อยู่ และมีปัญหาของกลุ่มตัวแทนเกษตรกรด้วยกัน และชาวบ้านในชุมชนที่เข้าไปจับจอง จนเกิดปะทะกับกลุ่มนายทุนมาอย่างรุนแรง เกิดเหตุเสียชีวิตต่อเนื่องมาหลายปี
ขณะที่ นายชูวงศ์ มณีกุล ทนายความกลุ่มเรียกร้องที่ดินทำกินภาคใต้ และแกนนำคนจนไร้ที่ดินทำกิน จ.กระบี่ ยังคงเดินหน้าเรียกร้องที่ดินทำกิน โดยปักหลักชุมนุมกางเต็นท์เป็นที่พักบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ ต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำที่ดินสวนปาล์มน้ำมัน หมดอายุสัมปทานมากว่า 10 ปี ในจังหวัดกระบี่ รวม 14 แปลง พื้นที่กว่า 7 หมื่นไร่ และจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี มาจัดสรรให้แก่คนจน ตามมติ ครม. ปี 2546 แม้ว่าทางสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ ส่งหนังสือแจ้งให้ออกจากพื้นที่ศาลากลางทุกวันหลังเวลา 16.30-08.30 น. เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ เพื่อความสงบเรียบร้อย
ทาง นายชูวงศ์ มณีกุล ที่ปรึกษาด้านกฎหมายกลุ่มผู้เรียกร้องที่ดินทำกิน ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ ที่แจ้งให้ออกจากพื้นที่ หลังเวลาราชการ อ้างว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยของสถานที่
โดยนายชูวงศ์ ยืนยันไม่ย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากทางกลุ่มได้รับอนุญาตชุมนุมในที่สาธารณะถูกต้องตามกฎหมายมาก่อน ยืนยันรวมตัวชุมนุมต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 100 วัน ตามที่ขออนุญาตไว้จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่คนจน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ตามมติ ครม.ปี 2546 โดยการนำพื้นที่ที่หมดอายุสัมปทานรวมกว่า 7 หมื่นไร่ มาจัดสรรให้แก่คนจน
นายขจิตร ผลอินทร์ คนไร้ที่ดินทำกิน แกนนำกลุ่มกระบี่น้อย กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ในวันที่ 12 ต.ค.นี้ ว่า ขณะนี้ชาวบ้านได้จัดเตรียมสถานที่ภายในสวนปาล์มน้ำมัน ของบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด ม.10 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ เตรียมต้อนรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ที่จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหานายทุนอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่ ส.ป.ก.ของบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด จ.กระบี่ โดยทำการยึดที่ดินคืน และนำมาให้ ส.ป.ก.จัดสรรให้แก่เกษตรกร ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)
เนื่องจากที่ผ่านมา ได้ยึดคืนมาตามคำสั่งหัวหน้า คสช. 36/59 แปลงเลขที่ 601 เนื้อที่ 7,183 ไร่ ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ และ จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 700 ไร่ แต่ ส.ป.ก. ยังจัดสรรให้เกษตรกรเข้าทำกินไม่ได้ เนื่องจากเข้าพื้นที่ไม่ได้ เพราะมีกลุ่มอิทธิพลของนายทุนยังครอบครองพื้นที่อยู่ และมีปัญหาของกลุ่มตัวแทนเกษตรกรด้วยกัน และชาวบ้านในชุมชนที่เข้าไปจับจอง จนเกิดปะทะกับกลุ่มนายทุนมาอย่างรุนแรง เกิดเหตุเสียชีวิตต่อเนื่องมาหลายปี
ขณะที่ นายชูวงศ์ มณีกุล ทนายความกลุ่มเรียกร้องที่ดินทำกินภาคใต้ และแกนนำคนจนไร้ที่ดินทำกิน จ.กระบี่ ยังคงเดินหน้าเรียกร้องที่ดินทำกิน โดยปักหลักชุมนุมกางเต็นท์เป็นที่พักบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ ต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำที่ดินสวนปาล์มน้ำมัน หมดอายุสัมปทานมากว่า 10 ปี ในจังหวัดกระบี่ รวม 14 แปลง พื้นที่กว่า 7 หมื่นไร่ และจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี มาจัดสรรให้แก่คนจน ตามมติ ครม. ปี 2546 แม้ว่าทางสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ ส่งหนังสือแจ้งให้ออกจากพื้นที่ศาลากลางทุกวันหลังเวลา 16.30-08.30 น. เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ เพื่อความสงบเรียบร้อย
ทาง นายชูวงศ์ มณีกุล ที่ปรึกษาด้านกฎหมายกลุ่มผู้เรียกร้องที่ดินทำกิน ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ ที่แจ้งให้ออกจากพื้นที่ หลังเวลาราชการ อ้างว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยของสถานที่
โดยนายชูวงศ์ ยืนยันไม่ย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากทางกลุ่มได้รับอนุญาตชุมนุมในที่สาธารณะถูกต้องตามกฎหมายมาก่อน ยืนยันรวมตัวชุมนุมต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 100 วัน ตามที่ขออนุญาตไว้จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่คนจน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ตามมติ ครม.ปี 2546 โดยการนำพื้นที่ที่หมดอายุสัมปทานรวมกว่า 7 หมื่นไร่ มาจัดสรรให้แก่คนจน
