ยะลา - แม่ผู้ต้องหาค้ายาบ้าเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองยะลา ฟ้องร้อง 2 เพจข่าวเฟซบุ๊กข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังลูกชายถูกตำรวจจับกุมพร้อมของกลางในบ้าน
วันนี้ (28 ส.ค.) มีรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 4 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้เข้าจับกุม นายเสี่ย (ขอสงวนนามสกุล) ลูกชายของนักช่วยเหลือสังคม และอดีต ส.ท. ขณะกำลังมั่วสุมกับเพื่อนเสพยาเสพติดภายในบ้านของเพื่อน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลการจับกุมจน นายเสี่ย ยอมรับว่ามียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ซุกซ่อนไว้ที่บ้านตนเองอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้น พบยาบ้าที่ซุกซ่อนไว้ตามที่ผู้ต้องหาได้บอกกล่าวจริงเป็นจำนวน 145 เม็ด จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองยะลา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยภายหลังมีการนำเสนอข่าวดังกล่าวออกไปตามสื่อต่างๆ ทำให้แม่ของผู้ต้องหาเกิดความไม่พอใจ และนำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อร้อยเวร สภ.เมืองยะลา ต่อเฟซบุ๊กเพจข่าวชื่อดัง 2 เพจ ได้แก่ “เพจเสียงจากแผ่นดินแม่” และ “เพจยะลาทูเดย์” ในข้อหาหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังได้แจ้งความร้องทุกข์ไปยังสมาชิกของเพจข่าวที่ได้โพสต์ข้อความลงตามแนบท้ายของข่าว ซึ่งทำให้แม่ของผู้ต้องหาเกิดความไม่พอใจ
ทั้งนี้ ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ประกันตัวออกมาแล้ว และได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยมีข้อความชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง พร้อมกล่าวหาว่า กระบวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนมักมีการทำร้ายร่างกายทรมานผู้ที่ตกเป็นต้องหา
โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ถึงกรณีที่ผู้ต้องหาได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการทำร้ายร่างกายของผู้ต้องหาในกรณีของการล่อซื้อยาเสพติดนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวในคดีดังกล่าวนั้นได้มีการประกันตัวแล้วหรือไม่ ซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ขอเวลาในการตรวจสอบสำนวนคดีอีกครั้ง และยังไม่ยืนยันว่าผู้ต้องหามีการประตัวแล้วหรือไม่อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากกรณีการโพสต์เฟซบุ๊กของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีดังกล่าวนั้น หากผู้ต้องหาไม่ได้ถูกประกันตัวจริงก็แสดงว่า อาจจะมีบุคคลแอบอ้างใช้เฟซบุ๊กของผู้ต้องหาและโพสต์ข้อความอันเป็นข้อมูลที่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเสียหายและเป็นการหมิ่นประมาทใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรืออีกกรณีคือ ผู้ต้องหาเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง แต่หากอยู่ในขณะควบคุมตัวผู้ต้องหาไม่มีสิทธิที่จะใช้เครื่องมือสื่อสารใดๆ และกรณีสุดท้ายคือ ผู้ต้องหาได้มีการประกันตัวจริงและได้โพสต์ข้อความด้วยตนเอง ซึ่งอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในกรณีการโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากนี้ จากการใช้ตำแหน่งของผู้เป็นแม่ของผู้ต้องหาในการรายงานข่าวก่อนหน้านี้ โดยได้ระบุว่า เป็นนักสังคมสงเคราะห์นั้นได้มีผู้ให้ข้อมูลว่า “นักสังคมสงเคราะห์” ต้องมีหน่วยงานต้นสังกัดและมีการสอบใบประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ส่วนผู้ที่ช่วยเหลือสังคมนั้นอาจจะมีการอ้างอิงตนเองในการทำงานด้านสังคมต่างๆ