ยะลา - พ่อค้าแม่ค้าเบตงนำผลผลิตสะตอในพื้นที่วางจำหน่าย นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียแห่กันซื้อเป็นของฝากเพื่อนำไปประกอบอาหารในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้ช่วงนี้วันละ 1-2 พันบาท
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา บรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้นำผลผลิตสะตอในพื้นที่มาวางจำหน่ายให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ที่เดินทางมาท่องเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ต่างเลือกซื้อนำไปประกอบอาหารฝากครอบครัวเป็นจำนวนมาก
แม่ค้าขายสะตอชาวเบตง กล่าวว่า ช่วงนี้สะตอผลผลิตออกแล้ว ส่วนใหญ่เกษตรกรในพื้นที่จะปลูกสะตอรวมอยู่กับไม้ผลชนิดอื่น ซึ่งปีนี้ผลผลิตสะตอมีมากและราคาถูกกว่าปีที่ผ่านมา โดยราคาจะอยู่ที่ขนาดความสดของเมล็ดสะตอ ซึ่งราคาขายปลีกนั้นเริ่มที่ 4 ฝัก ราคา 20-30 บาท และ 100 ฝัก ราคาที่ 250-280 บาท หรือจะเป็นแบบแกะเมล็ดขายกิโลกรัมละ 130 บาท
ซึ่งในแต่วันจะมีรายได้ช่วงนี้วันละ 1,000-2,000 บาท นอกจากสะตอแล้วก็จะเป็นทุเรียนบ้านเบตง ที่ชาวมาเลย์มักจะซื้อปอกกินกันเนื่องจากรสชาติของทุเรียนบ้านเบตงมีรสชาติที่ดี โดยเฉพาะความหวานหอมของเนื้อทุเรียน จะมีความนุ่มละมุน และรสชาติดี ไม่จืด ส่งผลทำให้ราคาทุเรียนพื้นเมืองเบตงในปีนี้มีราคาดี โดยราคาจะอยู่ที่ 40-60 บาทต่อกิโลกรัม
ด้านนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กล่าวว่า ชาวมาเลเซียจะนิยมซื้อสะตอของไทยเป็นของฝาก เนื่องจากมีราคาถูกกว่ามาเลเซียกว่าเท่าตัว และจะนิยมซื้อแบบแกะเมล็ดไปประกอบอาหาร เพราะสะดวกในการพกพาเดินทางกลับประเทศ ซึ่งสะตอส่วนใหญ่คนนิยมซื้อไปทำอาหาร เช่น สะตอผัดกุ้ง สะตอผัดปลากระป๋อง ข้าวผัดสะตอ สะตอผัดกะปิไก่กุ้งสด และปลาฉิ้งฉ้างผัดสะตอ ถ้าได้กินผัดสะตอ สะตอจิ้มน้ำพริก จะช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สะตอมีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีคุณสมบัติป้องกันโรคหลากหลาย จะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ ช่วยลดความดันโลหิต มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยในการขับถ่ายได้อีกด้วย
ขณะที่ นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุข อ.เบตง กล่าวว่า เนื่องจากสะตอมีกรดยูริกสูง สำหรับผู้ที่เป็นโรคเกาต์ หรือผู้ที่มีกรดยูริกในร่างกายสูงเกินค่ามาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานสะตอ เพราะอาจจะทำให้เกิดโรคเกาต์กำเริบได้ และกรดยูริกในร่างกายที่สูงก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่ว และโรคไตอักเสบ
