xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ประมาท! คุมเข้มเบตงหวั่นเหตุป่วนช่วงวันชาติมาเลย์และวันสถาปนากลุ่มเบอร์ซาตู

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ยะลา - จนท.ความมั่นคงใน อ.เบตง จ.ยะลา เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย ป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในช่วงวันชาติของประเทศมาเลเซีย และวันสถาปนากลุ่มเบอร์ซาตู หวั่นสร้างสถานการณ์เชิงสัญลักษณ์

วันนี้ (6 ส.ค.) พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอเบตง ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในอำเภอเบตง ทั้งทหาร ตำรวจ อส. และกำลังภาคประชาชน ให้เพิ่มความเข้มข้นในการตั้งด่านตรวจค้นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บุคคลต้องสงสัยที่เข้าออกเมืองเบตง รวมทั้งตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อป้องกันคนร้ายลักลอบเข้ามาก่อเหตุ รวมทั้งเพื่อสร้างความปลอดภัยและมั่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย จึงได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเพิ่มการรักษาความปลอดภัยตามสถานที่ราชการ ร้านค้าย่านชุมชน แหล่งท่องเที่ยว อย่างต่อเนื่อง
 

 
เนื่องจากในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ เป็นวันชาติของประเทศมาเลเซีย และเป็นวันสถาปนากลุ่มเบอร์ซาตู ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าหมายโจมตีของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลบุคคลแปลกหน้า วัตถุต้องสงสัย ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีอาจลักลอบนำเข้ามาก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ในช่วงนี้ได้

ซึ่งในวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันชาติของประเทศมาเลเซีย ในทุกปีจะมีการสร้างสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ เช่น วางระเบิด เผายางรถยนต์ เผาธงชาติไทย ปักธงชาติมาเลย์ เผาสถานที่ราชการ ซึ่งวันชาติของประเทศมาเลเซีย หรือ “วันเมอร์เดการ์ ” (เอกราช) ตรงกับวันที่ 31 สิงหาคมของทุกปี นอกจากเป็นวันสำคัญของประเทศมาเลเซียแล้ว ยังเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง “ขบวนการเบอร์ซาตู” ซึ่งกลุ่มคิดต่างจากรัฐที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รวมตัวกัน ประกอบด้วยขบวนการแนวร่วมอิสลามปลดปล่อยปัตตานี (BIPP) ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายู (BRN) ขบวนการกู้ชาติปลดปล่อยรัฐปัตตานี (PULO) และขบวนการมูจาฮีดินอิสลามปัตตานี (GMIP) อีกทั้งยังมีกลุ่มเล็กๆ อีกหลายกลุ่มได้ร่วมกันเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2532
 

 
แต่ในปัจจุบัน “ขบวนการเบอร์ซาตู” ได้ล่มสลายไปแล้ว แต่กระนั้นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มฮาร์ดคอร์ กลุ่มนักรบรับจ้างที่รับงานเพื่อเข้ามาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ และมักฉวยโอกาสใช้วันสำคัญๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างสถานการณ์เพื่อหวังก่อกวนสร้างความระส่ำระสายต่อบ้านเมือง เพื่อให้เกิดความวุ่นวายและก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยกลุ่มคนร้ายมักจะทำการก่อเหตุลอบวางระเบิด เผายางรถยนต์ เผาธงชาติไทย ปักธงชาติมาเลย์ พร้อมทั้งวางวัตถุต้องสงสัยทั้งระเบิดจริง ระเบิดปลอมในพื้นที่ 3 จชต.และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา ซึ่งการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในการก่อเหตุก่อกวนป่วนใต้ เป็นการหวังผลทางการเมือง ซึ่งมีการเผาทำลายธงชาติไทย แล้วเอาธงชาติมาเลเซียขึ้นแทนเพื่อให้เกิดความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
 

 
จากความเคลื่อนไหวล่าสุด ได้มีการแจ้งเตือนจากหน่วยข่าวความมั่นคง ให้เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังกลุ่มคนร้ายที่จะฉวยโอกาสก่อเหตุสร้างสถานการณ์ “วันชาติมาเลย์” ก่อนและหลังวันที่ 31 สิงหาคมนี้ จากสถานการณ์ด้านการข่าวล่าสุด คาดว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเตรียมเคลื่อนไหวในวันสำคัญ ด้วยการสั่งให้สมาชิกแนวร่วมในพื้นที่ทำการโจรกรรมรถจักรยานยนต์เพื่อนำไปประกอบระเบิดแสวงเครื่องเพื่อสร้างสถานการณ์

ซึ่งหน่วยความมั่นคงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดสกัด ทำการเฝ้าระวังรถยนต์ รถจักรยานยนต์ต้องสงสัยเข้มงวดเป็นพิเศษ เพราะตรงกับวันชาติของประเทศมาเลเซียที่กลุ่มก่อความไม่สงบอาจใช้วันดังกล่าวลงมือก่อเหตุซึ่งจะนำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้
 

 
สำหรับบรรยากาศท่องเที่ยวเมืองเบตง ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวอย่างปกติ และมีการจองห้องพักเต็มยาวไปถึงกันยายน เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย โดยชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำงานในประเทศมาเลเซียต่างเดินทางกลับ ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง เพื่อที่เดินทางกลับภูมิลำเนาไปร่วมเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัฎฮา หรือ รายอฮัจยี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 ส.ค. นี้

ด้าน พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สารีรัตน์ ผกก.สภ.เบตง และหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ได้เพิ่มความเข้มในการสแกนตัวบุคคลเป้าหมายที่อาจจะปะปนอยู่ในย่านเขตเมือง ภายหลังเกิดเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปัตตานี เกรงว่า ทางกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอาจจะใช้กลยุทธ์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในการป้องกันเหตุในจุดที่เกิดเหตุแทน จึงได้เพิ่มความเข้มในการป้องกันตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญในเขตเมืองและพื้นที่รอบนอก โดยให้เฝ้าระวังสถานที่ราชการ ย่านเศรษฐกิจสำคัญ ตลาดสด และย่านชุมชนไทยพุทธ เป็นกรณีพิเศษ โดยให้ด่านจุดตรวจเข้าเมือง หน่วยกำลัง 3 ฝ่าย ทำการตรวจค้นยานพาหนะ บุคคลต้องสงสัย ที่มีการอำพรางใบหน้า และตรวจสอบหมายเลข 13 หลัก เพื่อหาผู้ต้องหาตามหมาย พ.ร.ก. และหมายอาญา อย่างละเอียด
 



กำลังโหลดความคิดเห็น