ชุมพร - กลุ่มนักอนุรักษ์ร่วมไว้อาลัย “เลียงผา” แห่งขุนเขาถ้ำเขาพลู “แหล่งบ่อน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์” ของชุมพร ที่ถูกยิงตาย พร้อมรวมตัวตั้งกลุ่มปกป้องสัตว์ป่าสงวน และเตรียมขอซากคืนกลับมาทำบุญใหญ่
วันนี้ (19 ก.ค.) ที่หน้าวัดถ้ำเขาพลู หมู่ที่ 3 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร นายดำเนิน วรพันธ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขาธิการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อม จ.ชุมพร และนายศราวุธ พัดทรัพย์ นายภูดินันท์ แสงสว่าง เจ้าหน้าที่กู้ภัยปะทิว พร้อมเครือข่ายและแกนนำชาวบ้านกว่า 30 คน นำป้ายขนาดใหญ่ จำนวน 2 ป้าย เขียนข้อความ “ขอร่วมไว้อาลัยการจากไปของเลียงผา สัตว์ป่าแห่งเขาพลู อายุ 20 ปี มรณะ 14 ก.ค.62” ส่วนอีกป้ายเป็นภาพซากเลียงผาเพศเมีย อายุ 20 ปี น้ำหนัก 80 กก.ที่ลงมาตายที่เชิงเขาในสวนปาล์มของชาวบ้านบริเวณด้านหลังวัดถ้ำเขาพลู โดยซากได้ถูกตัดแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหัวกับส่วนลำตัว
สำหรับเลียงผาตัวที่ตายดังกล่าวมีชาวบ้านไปพบเมื่อเช้าวันที่ 14 ก.ค.62 และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในท้องที่ไปตรวจสอบ เบื้องต้น ระบุว่าถูกยิงตายและได้ตัดเอาหัวไปเก็บเพื่อชันสูตร ส่วนลำตัวได้ใช้รถแบ็กโฮขุดหลุมฝังไว้ที่เชิงเขา ต่อมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานมีหน้าที่หลักรับผิดชอบสัตว์ป่าสงวน ซึ่งไม่ได้รับแจ้งในเบื้องต้น อีกวันต่อมาได้รับแจ้งจากชาวบ้านจึงได้เดินทางไปตรวจสอบและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้นำซากส่วนหัวกลับมายังจุดเกิดเหตุและขุดซากส่วนลำตัวที่ฝังดินขึ้นมาใหม่แล้วนำไปเป็นหลักฐานของกลางแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปะทิว เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยที่ประชุมได้สรุปที่จะมีการตั้งกลุ่มชมรมขึ้นมาเพื่อรณรงค์ให้เกิดความร่วมมือกันในการอนุรักษ์ดูแลปกป้องสัตว์ป่าสงวนแห่งถ้ำเขาพลู บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ซึ่งมีสัตว์ป่าสงวนอาศัยอยู่หลายชนิด อีกทั้งบนถ้ำวัดเขาพลูแห่งนี้ ยังมีแหล่งน้ำทิพย์บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของ จ.ชุมพร ที่ผ่านมา มีการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อแห่งนี้ไปประกอบในพิธีบรมราชาภิเษก และในพระราชพิธีหลายครั้ง ถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดชุมพร หลังจัดตั้งกลุ่มจะมีสมาชิกอาสาสมัคร และชาวบ้านที่เป็นเครือข่ายอนุรักษ์ จะคอยออกตรวจสอบตระเวนรอบๆ ภูเขาถ้ำเขาพลู นอกจากนั้น จะจัดหาป้ายแจ้งเหตุสายด่วนและข้อความรณรงค์การอนุรักษ์สัตว์ป่าไปติดตั้งตามจุดต่างๆ เมื่อพบเห็นสัตว์บาดเจ็บหรือถูกทำร้ายให้แจ้งได้ทันที
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีความเห็นว่าภายหลังจากการชันสูตรการสอบสวนดำเนินคดีกับเลียงผาตัวที่ตายถึงที่สุดแล้ว และเมื่อมีการคืนซากของกลาง ทางกลุ่มอนุรักษ์และชาวบ้านในพื้นที่มีความเห็นว่าให้ขอซากเลียงผาของกลางกับเจ้าหน้าที่นำกลับมาสวดทำบุญใหญ่ยังจุดเกิดเหตุก่อนทำลาย เพื่อปลุกกระแสการหวงแหนอนุรักษ์สัตว์ป่าสงวนกันต่อไป
ด้าน นายวิฑูร นิลภัคดิ์ อายุ 70 ปี ชาวบ้านละแวกถ้ำเขาพลู กล่าวว่า ตนเป็นคนชอบปั่นจักรยานและจะพากล้องส่องทางไกลติดตัวไปด้วยเสมอ ได้ใช้กล้องจะส่องเห็นเลียงผาบนถ้ำเขาพลูแห่งนี้ด้วยสายตาตัวเองมาแล้ว 4 ตัว เป็นตัวใหญ่ 2 ตัว เล็ก 2 ตัว และก็จะเห็นบ่อยมาก แต่ช่วงนี้ 4 เดือนมาแล้ว ยังไม่เห็นเลียงผาอีกเลย ส่วนตัวที่ตายนั้นตนรู้สึกเสียใจเพราะเลียงผาเป็นสัตว์อยู่คู่กับภูเขาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้มานานแล้ว ขณะที่ชาวบ้านบางคนเมื่อรู้ข่าวถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว จึงขอให้ทุกคนมาร่วมกันอนุรักษ์สัตว์ป่า
ขณะที่กลุ่มแกนนำการอนุรักษ์ร่วมกันกล่าวว่า นับจากนี้ไปเราจะต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการปลุกกระแสเรื่องการอนุรักษ์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่และรุ่นต่อๆ ไป เพราะอยากให้เลียงผาตัวที่ตายไปแบบผิดธรรมชาติขอให้เป็นตัวสุดท้ายของถ้ำเขาพลูแห่งนี้ เพราะโดยธรรมชาติของสัตว์ป่าขนาดใหญ่หากป่วยเจ็บไข้ก็จะเข้าไปหาใบไม้ใบหญ้ากินในป่าลึกเพื่อเป็นยารักษาตัวเอง และหากจะป่วยไม่สบายหรือแก่ตายตามธรรมชาติก็จะไปตายในป่าลึกจะไม่วิ่งหนีลงมาตายตามเชิงเขาในสวนของชาวบ้านแบบตัวที่ตายไปนี้
วันนี้ (19 ก.ค.) ที่หน้าวัดถ้ำเขาพลู หมู่ที่ 3 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร นายดำเนิน วรพันธ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขาธิการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อม จ.ชุมพร และนายศราวุธ พัดทรัพย์ นายภูดินันท์ แสงสว่าง เจ้าหน้าที่กู้ภัยปะทิว พร้อมเครือข่ายและแกนนำชาวบ้านกว่า 30 คน นำป้ายขนาดใหญ่ จำนวน 2 ป้าย เขียนข้อความ “ขอร่วมไว้อาลัยการจากไปของเลียงผา สัตว์ป่าแห่งเขาพลู อายุ 20 ปี มรณะ 14 ก.ค.62” ส่วนอีกป้ายเป็นภาพซากเลียงผาเพศเมีย อายุ 20 ปี น้ำหนัก 80 กก.ที่ลงมาตายที่เชิงเขาในสวนปาล์มของชาวบ้านบริเวณด้านหลังวัดถ้ำเขาพลู โดยซากได้ถูกตัดแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหัวกับส่วนลำตัว
สำหรับเลียงผาตัวที่ตายดังกล่าวมีชาวบ้านไปพบเมื่อเช้าวันที่ 14 ก.ค.62 และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในท้องที่ไปตรวจสอบ เบื้องต้น ระบุว่าถูกยิงตายและได้ตัดเอาหัวไปเก็บเพื่อชันสูตร ส่วนลำตัวได้ใช้รถแบ็กโฮขุดหลุมฝังไว้ที่เชิงเขา ต่อมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานมีหน้าที่หลักรับผิดชอบสัตว์ป่าสงวน ซึ่งไม่ได้รับแจ้งในเบื้องต้น อีกวันต่อมาได้รับแจ้งจากชาวบ้านจึงได้เดินทางไปตรวจสอบและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้นำซากส่วนหัวกลับมายังจุดเกิดเหตุและขุดซากส่วนลำตัวที่ฝังดินขึ้นมาใหม่แล้วนำไปเป็นหลักฐานของกลางแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปะทิว เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยที่ประชุมได้สรุปที่จะมีการตั้งกลุ่มชมรมขึ้นมาเพื่อรณรงค์ให้เกิดความร่วมมือกันในการอนุรักษ์ดูแลปกป้องสัตว์ป่าสงวนแห่งถ้ำเขาพลู บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ซึ่งมีสัตว์ป่าสงวนอาศัยอยู่หลายชนิด อีกทั้งบนถ้ำวัดเขาพลูแห่งนี้ ยังมีแหล่งน้ำทิพย์บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของ จ.ชุมพร ที่ผ่านมา มีการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อแห่งนี้ไปประกอบในพิธีบรมราชาภิเษก และในพระราชพิธีหลายครั้ง ถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดชุมพร หลังจัดตั้งกลุ่มจะมีสมาชิกอาสาสมัคร และชาวบ้านที่เป็นเครือข่ายอนุรักษ์ จะคอยออกตรวจสอบตระเวนรอบๆ ภูเขาถ้ำเขาพลู นอกจากนั้น จะจัดหาป้ายแจ้งเหตุสายด่วนและข้อความรณรงค์การอนุรักษ์สัตว์ป่าไปติดตั้งตามจุดต่างๆ เมื่อพบเห็นสัตว์บาดเจ็บหรือถูกทำร้ายให้แจ้งได้ทันที
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีความเห็นว่าภายหลังจากการชันสูตรการสอบสวนดำเนินคดีกับเลียงผาตัวที่ตายถึงที่สุดแล้ว และเมื่อมีการคืนซากของกลาง ทางกลุ่มอนุรักษ์และชาวบ้านในพื้นที่มีความเห็นว่าให้ขอซากเลียงผาของกลางกับเจ้าหน้าที่นำกลับมาสวดทำบุญใหญ่ยังจุดเกิดเหตุก่อนทำลาย เพื่อปลุกกระแสการหวงแหนอนุรักษ์สัตว์ป่าสงวนกันต่อไป
ด้าน นายวิฑูร นิลภัคดิ์ อายุ 70 ปี ชาวบ้านละแวกถ้ำเขาพลู กล่าวว่า ตนเป็นคนชอบปั่นจักรยานและจะพากล้องส่องทางไกลติดตัวไปด้วยเสมอ ได้ใช้กล้องจะส่องเห็นเลียงผาบนถ้ำเขาพลูแห่งนี้ด้วยสายตาตัวเองมาแล้ว 4 ตัว เป็นตัวใหญ่ 2 ตัว เล็ก 2 ตัว และก็จะเห็นบ่อยมาก แต่ช่วงนี้ 4 เดือนมาแล้ว ยังไม่เห็นเลียงผาอีกเลย ส่วนตัวที่ตายนั้นตนรู้สึกเสียใจเพราะเลียงผาเป็นสัตว์อยู่คู่กับภูเขาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้มานานแล้ว ขณะที่ชาวบ้านบางคนเมื่อรู้ข่าวถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว จึงขอให้ทุกคนมาร่วมกันอนุรักษ์สัตว์ป่า
ขณะที่กลุ่มแกนนำการอนุรักษ์ร่วมกันกล่าวว่า นับจากนี้ไปเราจะต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการปลุกกระแสเรื่องการอนุรักษ์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่และรุ่นต่อๆ ไป เพราะอยากให้เลียงผาตัวที่ตายไปแบบผิดธรรมชาติขอให้เป็นตัวสุดท้ายของถ้ำเขาพลูแห่งนี้ เพราะโดยธรรมชาติของสัตว์ป่าขนาดใหญ่หากป่วยเจ็บไข้ก็จะเข้าไปหาใบไม้ใบหญ้ากินในป่าลึกเพื่อเป็นยารักษาตัวเอง และหากจะป่วยไม่สบายหรือแก่ตายตามธรรมชาติก็จะไปตายในป่าลึกจะไม่วิ่งหนีลงมาตายตามเชิงเขาในสวนของชาวบ้านแบบตัวที่ตายไปนี้
