ชุมพร - ผ่านไปเกือบ 1 เดือน เรื่องไม่คืบ “ครูส้ม” นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ส่งทนายเข้าทวงถามความคืบหน้าตั้งกรรมการสอบสวนกรณี ผอ.คบซ้อนแล้วหาเรื่องกลั้นแกล้งให้ย้ายนออกจากโรงเรียน
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ( 18 มิ.ย.) นายเจษฎา พรหมรักษ์ ทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ นายอดุลย์ เงินศรี ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 เพื่อยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการสืบสวน กรณี ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว กับ ว่าที่ ร.ต.หญิง ฌณกฐ์ปภัสสญ์ รัตนประเสริฐ อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 และเป็นนักกีฬายิงปืนรณยุทธทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นลูกความ
นายเจษฎา พรหมรักษ์ ทนายความ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าที่ ร.ต.หญิง ฌณกฐ์ปภัสสญ์ “ครูส้ม” รัตนประเสริฐ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตนเองกรณีที่มีความสัมพันธ์กับ นายชัย นามสมมุติ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งมานานกว่า 8 ปี ต่อมาลูกความของตนจับได้ว่าทาง ผอ.ได้ไปลักลอบคบกับครูสาวอีกคนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง จากนั้นพยายามกลั่นแกล้ง “ครูส้ม” ทุกวิถีทางเพื่อให้ออกจากโรงเรียน จนทนไม่ได้จึงเข้าร้องเรียนตอศูนย์ดำรงธรรมดังกล่าว
นายเจษฎา ทนายความกล่าวต่อว่า หลังจากทาง ผอ.ชัย นามสมมุติ ได้หาเรื่องหนักขึ้นเพื่อให้ย้ายออกไปจากโรงเรียน ที่ครูส้มทำงานอยู่ และยังแจ้งความว่าครูพกอาวุธปืนไปโรงเรียน ขว้างปาโทรศัพท์ที่ครูส้มซื้อให้ต่อหน้าเพื่อนครูด้วยกัน พร้อมต่อว่าประจานเสียหายต่างๆนาๆ และฟ้องทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลโรงเรียนเพื่อให้บีบลูกความ ต่อมาผู้บริหารเขตการศึกษาได้เรียกทั้งสองคนมาทำหนังสือสัญญาขึ้นมา 1 ฉบับ ลงวันที่ 23 เมษายน 62 ที่ผ่านมา โดยระบุเชิงบังคับให้ลูกความไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของ ผอ.ชัย อีกต่อไป และห้ามนำข้อมูลต่างๆที่ไม่ดีเข้าเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลหรือระบบอื่น รวมทั้งห้ามพูดให้บุคคลอื่นได้ฟัง พร้อมกับลงชื่อร่วมกันทั้งสองคนไว้เป็นหลักฐาน โดยมีผู้บริหารท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ ผอ.ชัย เป็นคนทำบันทึกดังกล่าว
นายเจษฎา กล่าวอีกว่า การเดินทางมายื่นหนังสือต่อ นายอดุลย์ เงินศรี ผอ. สพป.เขต 2 ครั้งนี้ก็เพื่อสอบถามในเรื่องความคืบหน้าในกรณีที่ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและเรื่องชู้สาวของ ผอ.ชัย ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับลูกความของตน ซึ่งเป็นสิทธิที่ประสงค์จะทราบความคืบหน้าตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสาร พุทธศักราช 2546 รายชื่อคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อรักษาสิทธิ์ในการพิจารณาการยอมรับหรือไม่ยอมรับรายชื่อคณะกรรมการด้วยเช่นกัน
“ ทั้งนี้โดยตามปกติทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพรเขต 2 ต้องเป็นผู้แจ้งมายังผู้ร้อง หากแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ตามที่เคยได้ให้สัมภาษณ์ ทำให้ผู้ร้องเรียนร้องทุกข์เกิดความไม่ไว้วางใจและรู้สึกกังวลว่าเรื่องจะจบแบบเงียบและไม่ดำเนินการใดๆ” นายเจษฎาทนายความกล่าว
ด้านนายอดุลย์ เงินศรี ผอ.สพป.เขต 2 หลังจากรับหนังสือได้กล่าวเพียงสั้นๆกับผู้สื่อข่าวว่าเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวน ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบ 30 วัน แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะไม่ได้กระทบต่อการเรียนการสอนและทั้งนี้จะต้องทำให้ทุกอย่างลงตัวที่สุดและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุดก่อนจะขอตัวไปประชุมกับเครือข่ายคณะกรรมการศึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ได้ทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า ทาง สพป.เขต 2 ไม่มีเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายแต่อย่างใด มีเพียงกลุ่มบริหารงานบุคคลที่ ผอ.เขต ได้มอบให้เป็นผู้รับผิดชอบตั้งคณะกรรมการในชุดแรกเพื่อสืบข้อเท็จจริง โดยมี ผอ.จากโรงเรียนในสังกัด เขต 2 จำนวน 3 คนเป็นคณะกรรมการ โดยจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-5 เดือน โดยให้เหตุผลที่ต้องใช้ระยะเวลาสอบสวนนานก็เนื่องจากภาระหน้าที่ของกรรมการแต่ละคนมีมาก และมีเรื่องร้องเรียนมาก ทำให้เวลาไม่ตรงกันจึงมาความล่าช้า
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ( 18 มิ.ย.) นายเจษฎา พรหมรักษ์ ทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ นายอดุลย์ เงินศรี ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 เพื่อยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการสืบสวน กรณี ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว กับ ว่าที่ ร.ต.หญิง ฌณกฐ์ปภัสสญ์ รัตนประเสริฐ อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 และเป็นนักกีฬายิงปืนรณยุทธทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นลูกความ
นายเจษฎา พรหมรักษ์ ทนายความ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าที่ ร.ต.หญิง ฌณกฐ์ปภัสสญ์ “ครูส้ม” รัตนประเสริฐ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตนเองกรณีที่มีความสัมพันธ์กับ นายชัย นามสมมุติ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งมานานกว่า 8 ปี ต่อมาลูกความของตนจับได้ว่าทาง ผอ.ได้ไปลักลอบคบกับครูสาวอีกคนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง จากนั้นพยายามกลั่นแกล้ง “ครูส้ม” ทุกวิถีทางเพื่อให้ออกจากโรงเรียน จนทนไม่ได้จึงเข้าร้องเรียนตอศูนย์ดำรงธรรมดังกล่าว
นายเจษฎา ทนายความกล่าวต่อว่า หลังจากทาง ผอ.ชัย นามสมมุติ ได้หาเรื่องหนักขึ้นเพื่อให้ย้ายออกไปจากโรงเรียน ที่ครูส้มทำงานอยู่ และยังแจ้งความว่าครูพกอาวุธปืนไปโรงเรียน ขว้างปาโทรศัพท์ที่ครูส้มซื้อให้ต่อหน้าเพื่อนครูด้วยกัน พร้อมต่อว่าประจานเสียหายต่างๆนาๆ และฟ้องทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลโรงเรียนเพื่อให้บีบลูกความ ต่อมาผู้บริหารเขตการศึกษาได้เรียกทั้งสองคนมาทำหนังสือสัญญาขึ้นมา 1 ฉบับ ลงวันที่ 23 เมษายน 62 ที่ผ่านมา โดยระบุเชิงบังคับให้ลูกความไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของ ผอ.ชัย อีกต่อไป และห้ามนำข้อมูลต่างๆที่ไม่ดีเข้าเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลหรือระบบอื่น รวมทั้งห้ามพูดให้บุคคลอื่นได้ฟัง พร้อมกับลงชื่อร่วมกันทั้งสองคนไว้เป็นหลักฐาน โดยมีผู้บริหารท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ ผอ.ชัย เป็นคนทำบันทึกดังกล่าว
นายเจษฎา กล่าวอีกว่า การเดินทางมายื่นหนังสือต่อ นายอดุลย์ เงินศรี ผอ. สพป.เขต 2 ครั้งนี้ก็เพื่อสอบถามในเรื่องความคืบหน้าในกรณีที่ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและเรื่องชู้สาวของ ผอ.ชัย ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับลูกความของตน ซึ่งเป็นสิทธิที่ประสงค์จะทราบความคืบหน้าตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสาร พุทธศักราช 2546 รายชื่อคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อรักษาสิทธิ์ในการพิจารณาการยอมรับหรือไม่ยอมรับรายชื่อคณะกรรมการด้วยเช่นกัน
“ ทั้งนี้โดยตามปกติทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพรเขต 2 ต้องเป็นผู้แจ้งมายังผู้ร้อง หากแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ตามที่เคยได้ให้สัมภาษณ์ ทำให้ผู้ร้องเรียนร้องทุกข์เกิดความไม่ไว้วางใจและรู้สึกกังวลว่าเรื่องจะจบแบบเงียบและไม่ดำเนินการใดๆ” นายเจษฎาทนายความกล่าว
ด้านนายอดุลย์ เงินศรี ผอ.สพป.เขต 2 หลังจากรับหนังสือได้กล่าวเพียงสั้นๆกับผู้สื่อข่าวว่าเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวน ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบ 30 วัน แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะไม่ได้กระทบต่อการเรียนการสอนและทั้งนี้จะต้องทำให้ทุกอย่างลงตัวที่สุดและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุดก่อนจะขอตัวไปประชุมกับเครือข่ายคณะกรรมการศึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ได้ทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า ทาง สพป.เขต 2 ไม่มีเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายแต่อย่างใด มีเพียงกลุ่มบริหารงานบุคคลที่ ผอ.เขต ได้มอบให้เป็นผู้รับผิดชอบตั้งคณะกรรมการในชุดแรกเพื่อสืบข้อเท็จจริง โดยมี ผอ.จากโรงเรียนในสังกัด เขต 2 จำนวน 3 คนเป็นคณะกรรมการ โดยจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-5 เดือน โดยให้เหตุผลที่ต้องใช้ระยะเวลาสอบสวนนานก็เนื่องจากภาระหน้าที่ของกรรมการแต่ละคนมีมาก และมีเรื่องร้องเรียนมาก ทำให้เวลาไม่ตรงกันจึงมาความล่าช้า