xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.ภาค 8 นำมือฆ่าเผาสาว18 ทำแผน ท่ามกลางชาวบ้านเกือบ 1,000 คน รอรุมประชาทัณฑ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

สุราษฎร์ธานี - ผบช.ภาค 8 นำมือฆ่าเผาสาว18 ทำแผน ท่ามกลางชาวบ้านเกือบ 1,000 คน รอรุมประชาทัณฑ์ ต้องระดมกำลังกว่า 200 นายคุมเข้ม ทำแผนได้แค่ 10 นาที ต้องสั่งยุติ หลังญาติทำใจไม่ได้ลุกฮือจะเข้าทำร้าย

จากกรณีพบศพ น.ส.จรินยา ช่วยพยัคฆ์ หรือ น้องปลา อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 หมู่ 5 ต.ทุ่งกง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ถูกฆ่าเผาอำพรางคดี เหลือแต่ซากกระดูก โดยมีรถจักรยานยนต์ถูกไฟเผาทั้งคันทับร่างอยู่ในคูน้ำริมถนนสายห้วยโศก-ห้วยลึก หมู่ ที่ 12 ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยพบศพเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 พ.ค. ห่างจากบ้านสามีไม่ถึง 2 กม.

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผล จนกระทั้งจับกุม ผู้ต้องหาซึ่งจำนนต่อหลักฐาน คือ นายพีระพล นวลเสน่ห์ อายุ 27 ปี หรือ ริด ตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี เลขที่ 153/2562 ข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ซ่อนเร้นย้ายหรือทําลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ซึ่งนายพีระพลยอมรับสารภาพว่าทำคนเดียว

อ้างว่าสาเหตุที่ทำลงไปเพื่อต้องการชิงทรัพย์เหยื่อเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท แหวนทอง1 สลึง โดยวันเกิดเหตุเห็นเหยื่อขับรถ จยย.ออกไปจากร้านรับซื้อยางพาราเลย รีบขับรถไปจอดบ้านแล้วไปดักทำร้ายร่างกายน้องปลาระหว่างทาง ด้วยการบีบคอแล้วถีบรถ จยย.เหยื่อจนตกคูน้ำ จากนั้นตามไปบีบคอซ้ำ แล้ว เผาอำพรางทำลายศพ ซึ่งนายพีระพลเป็นลูกค้าขายน้ำยางให้สามีผู้เสียชีวิต และ มีบ้านพักอยู่ไม่ไกลจากจุดพบศพ

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (26 พ.ค.) ที่กองบังคับการตํารวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ร่วมกันนำตัว นายพีระพล หรือ ริด อายุ 27 ปี มาสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากสามารถสืบสวนจนทราบว่าแน่ชัดว่าผู้ต้องหารายนี้ก่อคดี ฆ่าเผาน.ส.จรินยา หรือ น้องปลา อายุ 18 ปี พร้อมก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทจำนวน 1 เส้น และแหวนทองคำหนัก 1 สลึงอีก 1 วง ก่อนจะนำไปขายที่ร้านทอง”ห้างทองแม่จำเริญ” ถนนสุราษฎร์ธานี-บ้านนาสาร ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ในราคา 22,000 บาท และ กลับมาเผาศพเพื่ออำพรางคดีในคืนวันที่ 13 พ.ค. เวลาประมาณ 23.00 นก่อนจะมีผู้พบศพในช่วงเย็นของวันที่17 พ.ค.

โดยตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพียง 2 จุด คือ จุดแรก ที่ร้านทองแม่จำเริญ พื้นที่ ต.ขุนทะเล และ จุดที่2 ที่เกิดเหตุ เป็นจุดที่นายพีระพล ผู้ต้องหามาดักรอผู้เสียชีวิตและพยายามจะชิงสร้อยคอทองคำของผู้เสียชีวิตแต่ผู้เสียชีวิตต่อสู้ขัดขืน จึงใช้เท้าถีบจนผู้เสียชีวิตตกลงไปในร่องน้ำข้างถนน และ ตามลงไปชกที่ใบหน้าอีกหลายครั้ง และบีบคอจนตายคามือ ก่อนที่จะปลดสร้อยคอทองคำและแหวนของผู้ตาย และ นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายล้มลงไปทับร่างอีกครั้ง

หลังจากนั้นนำทองไปขายที่ร้านทองแล้วกลับมาอยู่ที่บ้าน จนกระทั้งช่วงเวลา 23.00 น.ของวันที่ 13 พ.ค. จึงย้อนกลับมาตรงจุดเกิดเหตุใช้น้ำมันราดที่ศพและรถก่อนจุดไฟเผาเพื่อที่ทำลายหลักฐาน แต่การทำแผนไปได้ประมาณ 10 นาที ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ต้อง สั่งยุติเนื่องจากระหว่างการทำแผนตรงจุดเกิดเหตุนั้นมีชาวบ้านที่ทราบข่าวและญาติของผู้เสียชีวิตเกือบ 1,000 คนมารอดูและพยายามจะรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา และพยายามจะทุบรถตู้ตำรวจที่ผู้ต้องหานั่ง จนตำรวจต้องสกัดกั้นแต่ยังมีความวุ่นวายเกิดและต้องหยุดการทำแผนบางช่วงโดยเฉพาะช่วงที่ผู้ต้องหาลงไปบีบคอ

ซึ่งในจุดเกิดเหตุนายศรายุทธ คงคล้าย หรือ เตอร์ สามีผู้เสียชีวิต ที่สวมเสื้อยืดสีดำยืนดูการทำแผนท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของตำรวจอย่างใกล้ชิด ในขณะญาติ ๆ ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เชื่อว่าผู้ต้องหามีเพียงคนเดียว จะต้องมีคนอื่นร่วมด้วย ซึ่งผู้ต้องหาอาจจะเป็นผู้ฆ่า แต่ช่วงที่เผาร่างผู้เสียชีวิตเชื่อว่าจะต้องมีคนอื่นร่วมด้วย รอตำรวจหาพยานหลักฐานเพิ่ม

อย่างไรก็ตามขหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติมที่บริเวณหลังบ้านของผู้ต้องหาโดยเก็บเถ้าดินที่คาดว่าผู้ต้องหาน่าจะนำอวัยวะภายในเผาทำลาย และ กางเกงขาสั้น 3 ส่วนลายทหารที่พบใกล้กองไฟเพื่อตรวจพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุหรือไม่

พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเนื่องจากผู้ต้องหาก่อเหตุอย่างเหี้ยมโหด เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์สินของผู้ตาย ก่อนที่จะกลับมาเผาซ้ำเพื่อทำลายศพหวังจะทำลายหลักฐานแต่หนีไม่รอดมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในที่สุด ส่วนประเด็นที่ยังมีข้อกังขา ตำรวจยังต้องพยานหลักฐานให้ครบถ้วนทุกอย่าง ยังไม่เชื่อในคำรับสารภาพของผู้ต้องหาเสียทีเดียว จะต้องรอตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานเพิ่มเติม


กำลังโหลดความคิดเห็น