นครศรีธรรมราช - ชาวบ้านในพื้นที่ผลกระทบโครงการขนาดใหญ่ของชลประทานขวัญเสียหลังมีพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน ในหลายตำบลของอำเภอเมืองและอำเภอพระพรหมเพื่อขุดสร้างคลองผันน้ำเลี่ยงเมืองนครศรีธรรมราช เตรียมเดินหน้าต่อสู้ปกป้องที่ดินทำกิน
วันนี้ (24 พ.ค.) ภายหลังจากที่มีการเผยแพร่พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ต.บางจาก ต.ปากนคร ต.ท่าไร่ ต.ไชยมนตรี ต.ท่าเรือ อ.เมืองนครศรีธรรมราช และ ต.นาสาร ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผลจากความต้องการที่ดินในโครงการขุดคลองผันน้ำเลี่ยงเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อบรรเทาอุทกภัย มูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท โดยจะมีที่ดินที่คาดว่าจะถูกเวนคืนประมาณ 2 หมื่นไร่นั้น
ชาวบ้านจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ในนามเครือข่ายดินน้ำป่า ซึ่งร่วมกันคัดค้านและเคยไปชุมนุม ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อปลายเดือน ม.ค. 2562 และได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับกรมชลประทาน และนายพุฒิพงศ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกรัฐบาล ในขณะนั้น ในการชะลอโครงการและจัดตั้งกรรมการร่วมกันในการศึกษาและแก้ไขปัญหา แต่ปรากฏว่า ไม่มีการตั้งกรรมการใดๆเกิดขึ้น กระทั่งมีการผลักดันให้ พ.ร.ฎ.นี้มีผลบังคับใช้ โดยไม่เป็นไปตามข้อตกลง หลายคนถึงกับน้ำตาคลอ รู้สึกว่าถูกหลอกลวงจากทางราชการ ต่างร่วมกันเริ่มที่จะหารือทิศทางในการต่อสู้อีกครั้งอย่างหดหู่
นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช พัทลุง แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวว่า กรมชลประทานไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเรื่องการตั้งคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่าย เราใช้คำว่าตระบัดสัตย์ได้เลย เรื่องของการทำตามสัญญาสำคัญมาก เมื่อกรมชลประทานไม่ทำตามสัญญาเราจึงมีสิทธิในการปกป้องพื้นที่แผ่นดินของชาวบ้านทุกรูปแบบ สุดท้ายแล้วหนีไม่พ้นที่ประชาชนจะต้องลงมาบนท้องถนนอีกครั้ง
สำหรับพื้นที่ไชยมนตรี ซึ่งเป็นพื้นที่ระหว่างต้นน้ำและกลางน้ำเต็มไปด้วยพื้นที่ทางการเกษตรดั้งเดิมของชาวบ้าน เป็นชุมชนที่มีมาแต่โบราณ หากโครงการนี้บรรลุ ชุมชนนี้ทั้งหมดจะต้องถูกอพยพย้ายออก โดยไม่มีใครรู้ว่าจะต้องไปอยู่ที่ใดหรือมีอนาคตอย่างไร ขณะที่ทางราชการอ้างเพียงแค่ต้องการให้ชาวบ้านเสียสละเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ และพร้อมที่จะชดเชย แต่เมื่อชาวบ้านตอบว่าอนาคตของพวกเขาและลูกหลานจะเป็นอย่างไร กลับไม่มีใครตอบได้ ความตึงเครียดในพื้นที่จึงเริ่มทวีขึ้นอีกครั้ง
