xs
xsm
sm
md
lg

ชุดพยัคฆ์ไพรเข้าตรวจสอบสวนปาล์มนายทุนต่างชาติเนื้อที่ 400 ไร่ เชื่อเป็นการบุกรุกป่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ตรัง - ชุดพยัคฆ์ไพรเปิดยุทธการพิทักษ์ป่า จ.ตรัง และพื้นที่ข้างเคียง ลงตรวจสอบที่ดินปลูกปาล์มของนายทุนต่างชาติ 8 แปลง เนื้อที่กว่า 400 ไร่ เชื่อเป็นการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ล่าสุด พบการบุกรุกป่าแล้ว 39 แห่งใน 3 จังหวัดภาคใต้

วันนี้ (23 พ.ค.) นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) ทีมปฏิบัติการร่วมเฉพาะกิจยุทธการพิทักษ์ป่า 1/2562 (นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง) พร้อมด้วย นายสมนึก กุลหลัด หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ตรัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา และกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวมประมาณ 20 นาย ได้เดินเท้าเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสายควนและป่าเขาหวาง พื้นที่หมู่ 2 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง เนื้อที่ 19 ไร่ 3 งาน

หลังจากพื้นที่ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมและตรวจยึดไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 จากนั้นได้มีการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แต่มีรายงานเบื้องต้นว่า อาจมีนายทุนเข้าไปบุกรุกครอบครองพื้นที่ใหม่ จึงเข้าไปทำการตรวจสอบเพื่อป้องปราม ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังไม่พบการบุกรุกใหม่แต่ประการใด และสภาพป่ากำลังฟื้นตัวตามธรรมชาติที่เริ่มอุดมสมบูรณ์ แต่พบมูลช้างที่เจ้าของนำไปรับจ้างชักลากไม้ยางพาราถ่ายไว้เป็นจำนวนมาก
 

 
จากนั้น คณะได้เดินทางเข้าตรวจสอบการครอบครองที่ดินปลูกปาล์มน้ำมันของนายทุนต่างชาติชาวมาเลเซีย จำนวน 8 แปลง เนื้อที่กว่า 400 ไร่ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าครองร่มเมือง-ป่าสายควน-ป่าเกาะอ้ายกลิ้ง หมู่ที่ 12 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง หลังจากเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2560 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และหน่วยงานความมั่นคงได้เข้าไปตรวจสอบ และทำการลงบันทึกที่มาของการครอบครอง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

แต่เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และเชื่อว่าเอกสาร ส.ค.1 ที่มีการนำไปขอออกเป็น น.ส.3 แล้วถูกขายต่อๆ กันหลายทอด จนมาตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อว่าจะต้องเป็น ส.ค.1 บิน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และดำเนินการยื่นเรื่องต่อกรมที่ดิน ให้ทำการเพิกถอน น.ส.3 ดังกล่าวออกจากสารบบที่ดินต่อไป
 

 
ด้าน นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) ทีมปฏิบัติการร่วมเฉพาะกิจยุทธการพิทักษ์ป่า 1/2562 (นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง) กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของนายทุนต่างชาติแปลงดังกล่าวนี้ อยู่ในระหว่างกระบวนการตรวจสอบต่อสู้กันเรื่องเอกสาร แต่ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยืนยันชัดเจนว่า นายทุนผู้ถือครองกระทำการบุกรุกป่า เพราะพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

ขณะที่เจ้าของที่ดินยืนยันว่าตัวเองมีเอกสารสิทธิคือ น.ส.3 ที่มาจาก ส.ค.1 แต่ ส.ค.1 จะเชื่อไม่ได้ เพราะอาจจะบินมาจากพื้นที่อื่น หรือเนื้อที่บวมขึ้นมาจากเดิมหรือเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศอย่างละเอียด

“ทั้งนี้ กรมป่าไม้จะดำเนินการเสนอเรื่องไปยังกรมที่ดิน เพื่อให้มีการยกเลิกเพิกถอนเอกสารสิทธิต่อไป พร้อมเร่งรัดติดตามการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด และจะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบด้วย เพราะกรณีนี้อาจเข้าข่ายการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือผู้ครอบครองตัวจริงอาจไม่ใช่คนไทย แต่เป็นนายทุนต่างชาติ” นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) ทีมปฏิบัติการร่วมเฉพาะกิจยุทธการพิทักษ์ป่า 1/2562 (นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง) กล่าว
 

 
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกที่ดินในจังหวัดตรังครั้งนี้ เป็นไปตามแผนเฉพาะกิจยุทธการพิทักษ์ป่า 1/2562 (นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง) เนื่องจากผลจากการตรวจสอบป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองกรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช และป่าสงวนแห่งชาติใกล้เคียง เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีการบุกรุกจึงได้เปิดยุทธการดังกล่าวขึ้น เพื่อดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ป่าที่รับผิดชอบใน 3 จังหวัดอย่างละเอียด โดยการใช้อากาศยานบินสำรวจทางอากาศ เพื่อชี้เป้าให้ชุดภาคพื้นดินเข้าทำการตรวจสอบ

ล่าสุด พบการบุกรุกที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั้ง 3 จังหวัด รวม 39 แห่ง ประกอบด้วย วันที่ 21 พ.ค. ที่ จ.นครศรีธรรมราช พบบุกรุก 9 แห่ง เข้าตรวจภาคพื้นดินแล้ว 5 แปลง วันที่ 22 พ.ค. ที่ จ.พัทลุง พบบุกรุก 15 แห่ง และ จ.ตรัง พบบุกรุก 15 แห่ง ซึ่งถือเป็นการบุกรุกใหม่ และหลายแปลงเป็นการกระทำที่รุนแรง เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากและเครื่องจักรกลหนัก จึงได้จัดตั้งกองอำนวยการร่วมเฉพาะกิจยุทธการพิทักษ์ป่า 1/2562 ที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเร่งดำเนินการเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าแบบรายแปลง และตรวจยึดคืนกลับมาทั้งหมดโดยเร็ว
 



กำลังโหลดความคิดเห็น