ศูนย์ข่าวภาคใต้ - สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ย้าย “รองแม่ทัพภาคที่ 4” ออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อ้างกรณี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตั้งกรรมการสอบ “ปอเนาะ” ทุจริตเงินอุดหนุน ชี้ทำลายขวัญ เตรียมฟ้อง “ช่อง 7” เสนอข่าวทุจริตเงิน ใช้ “ปอเนาะ” ฝึก-คัดเลือกกลุ่มก่อความไม่สงบ
วันนี้ (9 เม.ย.) สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยนายขดตะรี บินเซ็น ประธานสมาคมสมาพันธ์ ร่วมกับกรรมการสมาพันธ์สมาคมโรงเรียนเอกชนภาคใต้ ประมาณ 50 คน อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ย้าย พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากกรณีที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อ้างว่า พบหลักฐานการทุจริต ให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา 400 กว่าแห่งอยู่กันอย่างหวาดผวา
รวมทั้งแถลงการณ์ตอบโต้ช่อง 7 สี ที่เสนอข่าวเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ว่า โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุจริตเงินอุดหนุนที่รัฐสนับสนุนปีละหลายพันล้านบาท นำเงินไปใช้ในทางที่ผิด และบางส่วนใช้สนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ เป็นสถานที่บ่มเพาะแนวคิดแบ่งแยกดินแดน เป็นสถานที่คัดเลือกบุคคลเข้าร่วมขบวนการ เป็นสถานที่ฝึกร่างกาย ก่อนส่งไปฝึก RKK และเป็นสถานที่รวบรวมเงินบริจาคสมาชิกขบวนการในพื้นที่ รวมทั้งจัดการศึกษาไม่ได้คุณภาพ
นายขดตะรี กล่าวว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อ้างว่าได้มีการตรวจพบหลักฐานการทุจริตเงินค่าตอบแทนครูสอนศาสนาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม การทุจริตเงินบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และทุจริตเงินช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนเอกชนเป็นเงินอุดหนุนบุคลากรตามระเบียบกระทรวงศึกษา ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ทำให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา 400 กว่าแห่งอยู่กันอย่างหวาดผวา ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจบุคลากร และอาจจะกระทบต่อคุณภาพการศึกษาด้วย
“จึงขอให้ย้าย พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะทำให้เกิดความสับสนและวุ่นวาย ซึ่งพวกผมทั้งหมดจะเข้าพบแม่ทัพภาค 4 เพื่อให้แม่ทัพภาค 4 ได้พิจารณาและดำเนินการต่อไป”
นายขดตะรี กล่าวว่า แถลงการณ์ของสมาคมมีดังนี้ 1.ขอให้สื่อมวลชนมีจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าว พร้อมทั้งนำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน เพราะเรื่องนี้เป็นมิติความมั่นคง และจะกระทบต่อกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.ฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาต่อช่อง 7 และบุคคลต่างๆ ที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์
3.ขอให้หน่วยงานรับผิดชอบให้เข้าตรวจสอบอย่างเป็นธรรมทุกสังกัด ไม่เฉพาะเจาะจงโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ภายใต้กฎหมายไทย และต้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้น คำสั่งใดที่ไม่เป็นธรรมขอให้ยกเลิก และสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อสั่งคุ้มครองชั่วคราว
4.ดำเนินคดีและสั่งย้ายผู้บริหารระดับสูงของหน่วยความมั่นคง ที่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม (ซ้ำซาก) เพื่อจะไม่เป็นปัจจัยเอื้อทำให้ปัญหาไฟใต้ลุกลามต่อไป สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ยินดีร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านมิติการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
นายขดตะรี กล่าวว่า 5.พิจารณาใหม่เรื่องกฎระเบียบของรัฐเกี่ยวกับเงินอุดหนุนรายหัว ที่เหมาะสมต่อโรงเรียนเอกชนสอนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนสามัญ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับเงินเสี่ยงภัย ที่ไม่สอดคล้องต่อความเป็นจริงของจำนวนบุคลากร เพราะความเป็นจริงในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามมีการเรียนการสอน 2 หลักสูตร คือ สามัญศึกษาจากปฐมวัยถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และอิสลามศึกษา (หลักสูตรศาสนา) เด็กแต่ละคนเรียนสองหลักสูตร
ดังนั้น กระบวนการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนจะต้องจ้างบุคลากรทั้งศาสนา สามัญ จึงทวีคูณ 2 เท่า ส่งผลให้การบริหารงานโรงเรียนแต่ละโรงจะต้องจ่ายเกือบ 2 เท่าของโรงเรียนเอกชนปกติที่คิดการอุดหนุนรายหัวเท่ากัน และ 6.จัดตั้งสภาการศึกษาชายแดนภาคใต้ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมกับการจัดการศึกษาแทนที่ หรือคู่ขนานกับกระทรวงศึกษาส่วนหน้า
นอกจากนี้ นายอับดุลสุโก ดินอะ หรืออุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ ได้สร้างแคมเปญในเว็บไซต์ change.org รณรงค์ขอรายชื่อผู้สนับสนุนปลด พล.ต.จตุพร อีกทางหนึ่งด้วย