ศูนย์ข่าวภาคใต้ - “ร้อยเอก” แฉวิชามารในหน่วยทหารทั่วใต้ เผย 3 พรรคใหญ่ใน 7 จังหวัดใต้ล่างยังใช้วิธีซื้อเสียงล่างหน้าแบบ ‘ผูกขาที่ละข้าง’ เฉลี่ยนับพันบาทต่อหัว ด้าน “นัจมุดดิน” ขู่ข้าราชการ-กกต.ไม่เป็นกลางเปลี่ยนขั้นอำนาจเจอแน่
วันนี้ (13 มี.ค.) มีประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้รวมตัวกันจำนวนหนึ่งเข้าร้องเรียนกับกลุ่มผู้สื่อข่าวในพื้นที่ จ.สงขลาว่า เวลานี้พรรคการเมืองหนึ่งที่ประกาศจะชิงเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ให้ได้มากที่สุด ได้ให้หัวคะแนนที่มีกระจายอยู่ทั้ง 8 เขตเลือกตั้งของ จ.สงขลา จดชื่อและหมายเลขบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง พร้อมมอบเงินให้เจ้าของบัตรรายละ 500 บาท เพื่อเป็นการมัดจำซื้อเสียงล่วงหน้าไว้ แล้วสัญญาว่าก่อนวันลงคะแนนจะมอบให้อีก 500 บาท โดยประมาณกันว่าหัวคะแนนแต่ละรายจะมีรายชื่อและเลขบัตรประชาชนถือไว้ในมือประมาณ 100-200 รายชื่อ
“ครึ่งแรกเป็นการมัดจำ หรือที่เรียกกันว่าผูกขาไว้ก่อน 1 ขา เมื่อใกล้วันหย่อนบัตรก็จ่ายอีกครึ่งที่เหลือ ซึ่งก็ครบอัตราที่ตั้งไว้ 1,000 บาทที่ใช้ในการผูกขาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้ง 2 ขา ที่เขาจดรายชื่อและเอาเลขบัตรประชาชนไปก็เพื่อจะได้นำไปใช้คำนวณเสียงที่จะได้ในเบื้องต้นว่า ผู้สมัคร ส.ส.เขตของพรรคแต่ละคนจะมีโอกาสสู้ได้หรือไม่ รวมถึงจะได้เสียงเพื่อไปดันผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อได้มากน้อยแค่ไหนด้วย และทุกวันเสาร์จะมีการประเมินสถานการณ์กันอย่างเข้มข้นด้วย” หนึ่งในกลุ่มผู้ร้องเรียนให้ข้อมูล
เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบว่าปรากฏการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นกับพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วยหรือไม่ รวมถึงได้ประสานไปยังผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ ตรัง พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส เพื่อให้ช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย พบว่า ประชาชนในพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างต่างให้เบาะแสว่า มีเรื่องราวในทำนองเดียวกันเกิดขึ้น และมีพรรคการเมืองประมาณ 3 พรรคที่ใช่หัวคะแนนกระจายออกปฏิบัติการแบบเดียวกัน แต่ตัวเลขอาจจะแตกต่างกัน เช่น อีกพรรคหนึ่งเก็บรายชื่อและเลขบัตร พร้อมจ่ายมัดจำไว้ 200 บาทไปก่อนราว 2 เดือนที่ผ่านมาแล้ว โดยสัญญาจะให้ก่อนหย่อนบัตรอีก 1,000 บาท เป็นต้น
นายทหารยศ “ร้อยเอก” นายหนึ่งที่มีสังกัดอยู่ในภาคใต้ เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้มีการเรียกประชุมในหน่วยงานทหารต่างๆ ทั่วภาคใต้ เพื่อสั่งให้กำลังพลทุกคนเลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรคการเมืองหนึ่ง โดยอ้างว่าเพื่อให้ประเทศชาติมีความต่อเนื่องในการพัฒนาด้านต่างๆ แล้วผู้ที่จะได้นั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หากได้คนที่เคยเป็นทหารมาก่อนก็เหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากนี้แล้วยังมีการคาดโทษผู้นำหน่วยที่มีกำลังพลแตกแถวไว้ด้วย ซึ่งสร้างความอึดอัดและทำให้ผู้นำหน่วยจำนวนหนึ่งต้องทำตามคำสั่งทั้งที่ไม่เต็มใจ
นายทหารยศร้อยเอกยังกล่าวด้วยว่า เพื่อนๆ ในพื้นที่ จ.นราธิวาส เล่าให้ฟังมีการส่งนายทหารที่มีความคุ้นเคยกับบรรดาผู้นำศาสนาในพื้นที่ต่างๆ ออกเดินสายไปขอร้องให้ผู้นำศาสนาช่วยชี้นำชาวบ้านเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองดังกล่าว พร้อมสำทับด้วยว่าหากผู้นำศาสนาคนใดไม่หพร้อมช่วยเหลือ ซึ่งจะเพราะเหตุใดก็ตาม ขอร้องให้อยู่เฉยๆ อย่าได้ไปช่วยพรรคการเมืองอื่น ซึ่งได้สร้างความไม่สบายใจให้ผู้นำศาสนาจำนวนมาก
นายนัจมุดดิน อูมา โฆษกพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ตนเองก็ได้รับทราบจากทางกำนันและผู้ใหญ่บ้านทั้งในพื้นที่ อ.ระแงะ อ.สุไหงปาดี และ อ.เมือง จ.นราธิวาสว่า มีอดีตรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ออกเดินสายพบผู้นำท้องที่ขอร้องให้สนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจ รวมทั้งยังได้รับการร้องเรียนจากผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคและประชาชนที่สนับสนุนพรรคว่า เวลานี้มีข้าราชการฝ่ายปกครองหลายคน นอกจากจะวางตัวไม่เป็นกลางแล้ว ยังไปช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองดังกล่าวอย่างออกหน้าออกตาด้วย
“ผมใคร่ของร้องให้ข้าราชการช่วยวางตัวเป็นกลางด้วย และในส่วนของ กกต.ก็ขอให้ทำหน้าที่ตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง อย่าเพิ่งแน่ใจว่าหลังเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะมีกระแสหนาหูว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจ ดังนั้นถ้าการเมืองเปลี่ยนขั้ว ข้าราชการที่ทำตัวไม่เป็นกลาง รวมถึง กกต.ที่ไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา คนเหล่านี้จะต้องลำบากแน่”
โฆษกพรรคประชาชาติกล่าวต่อไปด้วยว่า ในส่วนของพรรคประชาชาติเองก็กำลังตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะกับข้าราชการที่ไม่วางตัวเป็นกลาง เวลานี้เราได้รวมรวมหลักฐานไว้ส่วนหนึ่งแล้ว กำลังจะมีการยื่นให้ กกต.ทำการตรวจสอบ ซึ่งก็อยากข้อร้องให้ กกต.ทำหน้าที่ด้วยความถูกต้อง โดยให้เกิดความยุติธรรมกับทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองฝ่ายที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจด้วย