xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” นำทัพ ปชป.ลุยพื้นที่เมืองเบตงใต้สุดแดนสยาม ประชาชนแห่ต้อนรับแน่น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ยะลา - “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำทัพพรรค ปชป.ลุยพื้นที่เมืองเบตงใต้สุดแดนสยาม ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขตใน จ.ยะลา หาเสียง ประชาชนแห่ต้อนรับเนืองแน่น มั่นใจนโยบาย 6 ข้อทำได้ทันทีหากได้เป็นรัฐบาล

วันนี้ (6 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหอนาฬิกาเทศบาลเมืองเบตง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และทีมผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายังพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขตหาเสียง

โดยนายอภิสิทธิ์ พร้อมทีมงานได้ขึ้นรถแห่ไปตามท้องถนนสายหลัก และในเขตเทศบาลเมืองเบตง แล้วแวะลงทักทายพี่น้องประชาชน เพื่อขอคะแนนให้กับ นายภูริพงษ์ สุวรรณศิริ ผู้สมัครเขต 1, นายอับดุลเลาะ บุวา ผู้สมัครเขต 2 และนายณรงค์ ดูดิง ผู้สมัครเขต 3 และในช่วงเย็นของวันนี้นายอภิสิทธิ์จะขึ้นเวทีปราศรัยที่ อ.เบตง จ.ยะลา

จากนั้นได้แวะในย่านชุมชนในเขตเทศบาลเมืองเบตง โดยได้เดินทักทายซึ่งมีพ่อยกแม่ยกต่างมาคอยต้อนรับจำนวนมาก พร้อมมอบดอกกุหลาบ และขอถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก เพื่อให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ และผู้สมัครกันอย่างคึกคัก ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ได้แวะทักทายกับประชาชนตามจุดต่างๆ ที่มีประชาชนอยู่จำนวนมาก
 

 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มายะลาบ่อยแต่ไม่ค่อยได้เข้าเบตง เนื่องจากมีการดูแลของผู้สมัครอยู่แล้ว ส่วนอุปสรรคในด้านการหาเสียงในพื้นที่ จ.ยะลา ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งวันนี้ได้มาปราศรัยในเรื่องปัญหายางพาราตกต่ำ และปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวม รวมไปถึงความไม่มั่นใจในเรื่องความไม่สงบ ซึ่งมองว่า อ.เบตง มีศักยภาพสูงในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุน และการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยต้องมีการสนับสนุนในด้านงบประมาณ รวมไปถึงในอนาคต ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้มีนโยบายที่ประกาศ แต่วันนี้ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่จะตอบโจทย์ประชาชนทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี จะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำได้
 

 
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าว ได้แก่
1.โครงการโฉนดสีฟ้า ซึ่งหลักสำคัญคือผู้ถือครองจะต้องมีความมั่นคง และมั่นใจในการสร้างโอกาสให้กับตนเอง โดยการจัดทำโฉนดชุมชนจัดการตนเอง มีการออก พ.ร.บ.โฉนดชุมชน เพื่อให้สิทธิในการจัดการชุมชนอย่างแท้จริง และยกระดับ สปก.ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐโดยการกู้ผ่านธนาคาร และตกทอดถึงลูกหลานได้ พร้อมเดินหน้าธนาคารที่ดิน เพิ่มที่ดินทำกินให้คนไทย เร่งออกโฉนดทันใจ สะสางโฉนดที่ดินที่ค้างท่อมานานที่มีเอกสารสิทธิ์ สค.1 และ นส.3 เพื่อออกสิทธิตามกฎหมายให้แล้วเสร็จ

2.จัดตั้งกองทุนน้ำชุมชน ให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี มีเงินทำแหล่งน้ำทุกหมู่บ้าน โดยรับการจัดสรรงบจากผู้เชี่ยวชาญ แนะนำชาวบ้านจัดการแหล่งน้ำด้วยตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นที่ของรัฐ หากเป็นที่ของประชาชนแต่เหมาะสมที่จะทำสระน้ำ ก็สามารถเข้ามาร่วมโครงการ ซึ่งจะต้องปลดล็อกกฎระเบียบของราชการ และใช้ยางพาราในการทำสระน้ำ
 

 
3.ประกันรายได้เกษตรกร ให้ครอบคลุมพืชทุกชนิด สร้างความมั่นคงรายได้ให้เกษตรกรไทยทุกคนได้มีหลักประกันรายได้ขั้นต่ำการทำอาชีพเกษตรกรรม ข้าวไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 10,000 บาท ยางพาราไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม ปาล์ม 10 บาทต่อกิโลกรัม รวมถึงทำประกันภัยพืชผลคุ้มครองต้นทุนการผลิต

4.ประกันรายได้แรงงานไม่ต่ำกว่า 120,000 บาทต่อปี แต่ถ้ามีรายได้ต่อเดือนเมื่อคำนวณแล้วไม่ถึงที่กำหนด รัฐบาลก็จะจ่ายเงินส่วนต่างให้

5.เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน และจะไปปรับโครงการเกี่ยวกับการออมเพื่อการชราภาพ

และ 6.เบี้ยสวัสดิการผู้ยากไร้ 800 บาทต่อเดือน ซึ่งโอนตรงสมุดบัญชีผู้มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี ซึ่งทุกคนจะต้องเข้าระบบรายงานสถานะทางการเงินของตนเองทุกปี
 

 
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า นโยบายทั้ง 6 ข้อนี้จะทำได้ทันที เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล และหลังจากนั้นจะเปิดเผยที่มาของงบประมาณอีกครั้ง ซึ่งยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยสร้างภาระให้ประเทศ และไม่เคยทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย การระดมเงินเข้ามาทำนโยบายนี้ จะใช้เป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมล้ำได้ด้วย เช่น การประกันรายได้ โฉนดสีฟ้า เพื่อที่จะให้ประเทศไทยเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เป้าหมายอยากรับใช้พี่น้องภาคใต้ คิดว่ามีความพร้อมด้านบุคลากรทั้งเก่าและใหม่

โดยบนรถปราศรัยหาเสียงได้พูดถึงนโยบายของพรรคที่จะทำให้คนภาคใต้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีเป้าหมายเดียว คือการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติ และประชาชน โดยมีสโลแกน “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” รัฐบาลนี้สร้างปัญหาความทุกข์อยากให้เกิดขึ้นยาวนาน โดยเฉพาะปัญหาราคายางพารา และปาล์มน้ำมัน เขาบริหารงานไม่เป็น ปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนต่อเนื่องกว่า 4 ปี แจกเงินภายใต้นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเมื่อปลายปีที่ 5 แต่การแจกก็แจกไม่เป็น และมีข้อแม้ เพราะแจกเงินคนจน แต่ไม่สามารถนำมาซื้อสินค้าจากคนจนได้ ต้องไปซื้อสินค้าที่เขากำหนดจากร้านของนายทุนที่ร่ำรวย เป็นต้น
 




กำลังโหลดความคิดเห็น