ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายเดชอิศม์ ขาวทอง ผู้สมัคร สส.เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นจะได้รับคะแนนเลือกตั้งสูงสุดของประเทศ
วันนี้ (26 ก.พ.) นายเดชอิศม์ ขาวทอง ผู้สมัคร สส.เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ขอเท้าความก่อนเข้าพรรค ปชป.ว่า เพราะว่าผมใฝ่ฝันมาตลอด อยากเข้าไปเป็นผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์ และใฝ่ฝันต่อไปว่าอยากเห็นคนในเขต 5 เป็นผู้แทนสักครั้งหนึ่ง เพราะว่าเราไม่เคยมีผู้แทนที่อยู่ในบ้านเราเลย ผู้แทนของเรามาจากคนนอกเขตตลอด ทีนี้พรรคประชาธิปัตย์โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้เห็นความสำคัญ ได้พูดคุยกับผมและเห็นว่าผมมีประโยชน์ต่อการเมืองมาก จึงพยายามคลุกคลี่และหาวิธีการโดยการนำเข้าสู่พรรคประชาธิปัตย์
เมื่อเดินหาเสียงในวันนี้กระแสของพี่น้องประชาชน เขต 5 มีความรู้สึกว่า 1.สงสารนายกชาย สงสารว่าผมสอบตกมาหลายครั้ง, ข้อที่ 2. เป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่คนบ้านเรา คนในบ้านมีโอกาสได้ลงผู้แทน, ข้อ 3.เห็นความลงตัวของบุคคล และความลงตัวของพรรค มาลงตัวกันพอดี กระแสของประชาชนก็เลยตอบรับ ต้องพูดว่า ตอบรับที่ดีที่สุดในชีวิตการเมืองของผมเลย ชีวิตการเมืองของผมนี้บางครั้งก็ได้รับการสนับสนุนมากบางครั้งก็น้อย บางครั้งก็กลางๆ แต่วันนี้รอบนี้ถือว่าเป็นแรงสนับสนุนจากสูงที่สุด ไปหมู่บ้านไหน ตำบลไหนได้กระแสตอบรับได้กำลังใจมากที่สุด
ทั้งนี้ นายเดชอิศม์ ยังมั่นใจว่า หลังจากเดินหาเสียงมาแล้ว 20 วันเศษ มั่นใจว่าจะได้คะแนนสูงสุดของประเทศ เพราะว่าคำพูดนี้ไม่ได้ออกจากผมจริงๆ ผมรับมาจากพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ผมไปที่ไหนทุกคนบอกคราวนี้เราจะสร้างประวัติศาสตร์ เราจะให้ทุกคนรู้จักเขต 5 ทั้ง 5 คน 4 อำเภอปรองดองกันรักและมีความคิดเป็นหนึ่งเดียว เขาอยากให้ผู้แทนของเขาเป็นที่ 1 ของประเทศไทยเลย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามถึงปัญหาอุปสรรค์ใดบ้างหลังจากการเดินหาเสียง นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พบปัญหาความยากจนเป็นอันดับ 1 ความยากจน ในเรื่องของพืชผลทางเกษตรที่ไม่มีหลักประกันอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์ม ข้าว หรือผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะยางพารา พอยางพาราตกต่ำ ทางใต้มันจะยึดโยงไปหมด เศรษฐกิจจะแย่ลงทั้งหมด
เพราะฉะนั้นกว่าที่จะคลอดออกมาเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เราได้ประชุมกันหลายรอบ และตกลงกันที่ราคายางเราประกันที่ 60 บาท แต่ผมไม่ได้พอใจแค่นี้ ผมคิดว่าเราต้องใช้รับเบอร์ ซิตี้ของเราให้ได้ประโยชน์ ต่อไปเราจะดึงยางพารามาใช้ประโยชน์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่าเป็นแท่งแบรีเออร์หรือที่กันกระแทกตามถนนต่างๆ ควรจะเลิกใช้คอนกรีตแล้วมาใช้ยางพารา
ผมเชื่อว่าถ้าดึงยางพาราออกจากระบบให้มาก 30 เปอร์เซ็นต์ ราคายางขึ้นทะลุกิโลละ 100 บาทแน่นอน นั้นคือระยะยาว แต่เบื้องต้น 60 บาทแน่นอน ปาล์มน้ำมันเหมือนกัน เราไปพะว้าพะวังกับถ่านหินที่เอามาสร้างพลังงาน แต่จริงๆ เราใช้น้ำมันปาล์มไปสร้างโรงงานไฟฟ้าได้ เราพยายามดึงอย่างนี้เอาจากระบบเอาผลิตผลทางการเกษตรออกจากระบบ สินค้ามันขึ้นโดยธรรมชาติตามหลักดีมานด์ซัพพลาย เพราะงั้นผมเคยคุยกับพรรคว่าถ้าได้ร่วมรัฐบาล อยากได้กระทรวงเกษตรมาอยู่ในการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์
นายเดชอิศม์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ปัญหาความยากจน กลายเป็นปัญหาสังคมตามมาคือยาเสพติด เมื่อก่อนยาเสพติดอยู่ข้างบ้านของพี่น้องประชาชน แต่วันนี้เขาไปอยู่ในบ้านเลย หลายบ้านลูกติดยาขับไล่พ่อแม่ออกจากบ้าน ทุบตีพ่อแม่ ครั้งล่าสุดผมให้ตำรวจไปจับปรากฏว่าพอพ่อแม่เข้าไปในบ้านทั้งเตาแก๊ส หม้อหุงข้าว ลูกนำไปขายหมดเพราะฉะนั้นสังคมอย่างนี้เราปล่อยไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องแก้เรื่องความยากจนก่อนแล้วเริ่มต้นด้วยการแก้สังคม
นายเดชอิศม์ ยังกล่าวถึงหลังเลือกตั้งจะดึงหลายหน่วยงานมาร่วมมือกันพัฒนาสงขลา ซึ่ง นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ยืนยันว่าผมอยากเห็นภาพความรักความสามัคคีของ สส.แต่ละจังหวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดสงขลา 8 เขต แล้วประชาธิปัตย์อีก 2 คน ที่ลงท้องถิ่น คือ นายก อบจ.และนายกนครหาดใหญ่ 10 คนนี้ต้องมานั่งวงเดียวกันทุกเดือน ต้องมาคุยเรื่องปัญหาของชาวสงขลา เราต้องร่วมกันแก้ปัญหายังมีระบบที่ผ่านมา ต่างคนต่างคิดไม่ได้ ผมมองไกลไปกว่านั้น 50 เขตของภาคใต้เราอยากยึดให้เป็นประชาธิปัตย์ให้หมด แล้วทั้ง 50 คนนี้ต้องมารักกันต้องมาคุยเป็นเสียงเดียวกันพัฒนาภาคใต้อย่างมีระบบ เพราะฉะนั้นผมยังยืนยันนอกจากในจังหวัดแล้วยืนยันไปถึงระดับภาคว่าเราต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้ได้
ส่วนเรื่องของกระแสพรรคประชาธิปัตย์ในระยะนี้ค่อนข้างจะลดลงจะกู้วิกฤตได้อย่างไร ในเรื่องนี้ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าประชาชนเบื่อการเมือง ไม่เบื่อเฉพาะประชาธิปัตย์นะครับ หลายพรรคแล้วพี่น้องค่อนข้างหวาดผวาจับโน้นก็ผิดจับนี้ก็ผิด ตอนแรกพี่น้องเห็นว่าทหารเข้ามาในสามจังหวัดชายแดนใต้แล้วเรื่องจะต้องสงบเงียบแน่นอน ไม่ใช่ปัญหายาเสพติด ทหารมีอำนาจสูงมากน่าจะกำจัดยาเสพติดได้อย่างราบเป็นหน้ากอง แต่กลับไม่ใช่ ตอนนี้พี่น้องประชาชนก็เลยไม่รู้จะหวังพึ่งพรรคไหน แต่ผมเชื่อสุดท้ายต้องกลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์
เพราะว่าวันนี้ต้องยอมรับว่าการเมืองไทยมีสามขั้ว ขั้ว 1.ก็ขั้วทหาร พี่น้องก็เห็นมาแล้วความยากจนของพี่น้อง 4-5 ปีที่ผ่านมา 2 .ขั้วเพื่อต่างๆ ของนายกทักษิณ ที่พี่น้องชาวใต้เขาเห็นอยู่อย่างเป็นประจักษ์ ที่นี้ต้องขั้วที่ 3. เท่านั้นคือขั้วประชาธิปัตย์ ผมเชื่อว่ามีเวลาเกือบ 1 เดือน พี่น้องต้องตั้งหลักคิดได้ว่าพี่น้องควรปักอยู่ที่ขั้วใด โดยเฉพาะภาพของหัวหน้าของพรรคประชาธิปัตย์เป็นภาพของความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ไม่เคยมีภาพลักษณ์ที่ทุจริตเลย ผมเชื่อว่าถ้าพี่น้องประชาชนคิดอย่างรอบครอบ สุดท้ายภาคใต้ต้องมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ผมเชื่อว่ากรุงเทพประชาธิปัตย์จะได้เป็นส่วนใหญ่ หลังจากรอบนี้ผ่านพ้นไป พวกเราจะร่วมพลังกันบุกอีสาน บุกเหนือ เราต้องดึงประชาธิปัตย์กลับมาเป็นหนึ่งของประเทศให้จงได้
นายเดชอิศม์ ยังฝากถึงพี่น้องเขต 5 ว่า อยากฝากพี่น้องว่าวันนี้สิ่งที่พี่น้องรอคอยอยากให้คนบ้านเรา คนที่รู้ปัญหาของบ้านเราได้เป็นผู้แทนเป็นโอกาสแล้ว ครั้งแรกเราสร้างประวัติศาสตร์ไว้รอบหนึ่งแล้วตอนเลือกหัวหน้าพรรค ปรากฏว่าคะแนนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาที่ 1 ของประเทศ วันนี้พี่น้องทุกคนผมเชื่อว่าอยากสร้างประวัติศาสตร์ครั้ง 2 โดยเลือก สส.เขต 5 ให้เป็นประวัติศาสตร์ ถ้าค่าเฉลี่ยของ สส.หนึ่งคน สมมุติว่าหกหมื่นคะแนน ตอนนี้คนเขต 5 เขาอยากเลือกให้เบอร์ 6 ให้ได้ 1.2 แสนคะแนน เขาอยากมีผู้แทนเขตนี้ 2 คนไว้ปาร์ตี้ลิสต์คนหนึ่งไว้ที่นี้คนหนึ่ง
“ผมยืนยันกับพี่น้องว่าปัญหาที่ผมเห็นมาตลอดไม่ว่าปัญหาทะเลสาบ ไม่ว่าจะเป็นคมนาคม เช่น ถนนสี่เลนจากสี่แยกคูหาผ่านควนเนียงไปออกสิงหนคร ไม่ว่าระบบน้ำ น้ำที่ไหลจากภูเขาสู่ทะเลทิ้งเปล่าประโยชน์ โดยที่บางช่วงเราน้ำท่วมบางช่วงเราขาดน้ำไม่มีน้ำใช้ เราต้องผันน้ำนี้มาใช้ประโยชน์ทั้งปีแล้วต้องไม่มีน้ำท่วม แล้วผมจะมาสร้างสังคมที่มีแต่ความรักกันในเขต 5 อยากให้เขต 5 เป็นตัวอย่างของทุกเขตว่าเราจะมีแต่ความรัก ความเอื้ออาทรเราจะแบ่งปันกัน เราทุกข์ด้วยกัน แล้วเราเชิญพี่น้องมาสร้างสุขด้วยกันมาสร้างอนาคตให้ลูกหลานของเราต่อไปด้วยกัน ผมเชื่อ 4 ปี ข้างหน้าพี่น้องต้องเห็นหน้าเห็นหลังแน่นอนในเขต 5 ครับ” นายเดชอิศม์ ขาวทอง กล่าวทิ้งท้าย