ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต เผยอาการน้องดีแมกซ์ดีขึ้น ถอดเครื่องช่วยหายใจพูดคุยตอบโต้ได้มากขึ้น เจ้าหน้าที่เริ่มให้อาหารเหลว คาด 1-2 สัปดาห์ อาจกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้หากไม่มีการติดเชื้อ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (29 ม.ค.) นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เข้าเยี่ยมอาการและให้กำลังใจครอบครัวของ ด.ช.ยืนยง ชัยราบ หรือน้องดีแมกซ์ อายุ 7 ปี 8 เดือน ซึ่งถูกสุนัขจรจัดในพื้นที่ชุมชนใต้สะพานสารสิน ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา รุมกัด เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายสมภพ ชัยราบ และนางรำแพน แต้มสี บิดาและมารดา ของน้องดีแมกซ์ และญาติร่วมเยี่ยมอาการเป็นเวลาประมาณ 10 นาที
นายแพทย์เฉลิมพงษ์ เปิดเผยว่า อาการล่าสุดของน้องดีแมกซ์ เช้านี้อาการค่อนข้างดีมาก สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ตั้งแต่เมื่อวาน อาการปวดต่างๆ ทุเลาลง โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา แพทย์ได้ใช้ยาแก้ปวดแค่ครั้งเดียว สามารถพูดคุยโต้ตอบได้อย่างดี ซึ่งย้อนกลับไปหลังจากที่ได้เข้าทำการผ่าตัดกันเสร็จ ตั้งแต่ช่วงเวลา 03.00 น. ของวันจันทร์ที่ 28 ม.ค.62 ก็สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ และน้องดีแมกซ์สามารถหายใจได้เอง ต่อมาในเวลา 16.00 น. ก็เริ่มให้อาหารเหลว และคาดว่าในช่วงเที่ยงวันนี้ (29 ม.ค.) จะเริ่มให้อาหารอ่อน เช่น ข้าวต้มโจ๊กต่างๆ ส่วนเรื่องอาการไข้สูงขณะนี้ก็ลดลงตามลำดับจากเดิมที่สูง 39 องศา เช้านี้เหลือแค่ 37.8 เเละ 37.5 องศา ซึ่งน้องดีเเมกซ์เองก็เริ่มพูดโต้ตอบกับแพทย์ได้มากขึ้น เช่น พูดว่า “ไม่อยากให้ทำแผลเพราะเจ็บ” ซึ่งเป็นอาการที่ดีตามลำดับ
ส่วนแนวทางการวางแผนการรักษาในวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.) หมอศัลยกรรมจะพาตัวน้องเข้าห้องผ่าตัด เพื่อตรวจดูบาดแผลและทำการตกแต่งแผลที่เหลือเพื่อให้มีแผลเป็นน้อยที่สุด ให้กลับมาสู่สภาพเดิม แผลไหนที่ติดเชื้อก็จะต้องรักษาอาการก่อน ยังไม่สามารถเย็บได้ แต่แผลที่แห้งแล้วก็จะทำการเย็บติดให้เหมือนเดิม คิดว่าตอนนี้ทุกคนที่ติดตามข่าวของน้องดีแมกซ์อยู่ก็ขอให้สบายใจได้ว่า ขณะนี้น้องอาการดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนปัญหาที่กังวลเรื่องเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น เบื้องต้น ได้มีการฉีดวัคซีนในการป้องกันไปแล้วแต่ก็ต้องประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ของจังหวัดพังงา ในการที่จะกักตัวสุนัขไว้รอดูอาการ ซึ่งจากข้อมูลทราบว่า สามารถจับได้เพิ่มอีกหนึ่งตัวเป็น 5 ตัว โดยอยู่ระหว่างการประสานงานว่าจะมีการตรวจสอบสมองสุนัขว่ามีเชื้อหรือไม่ ในส่วนของวัคซีนนั้นจะฉีดเพิ่มมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะจะเป็นการกดภูมิต้านทาน ขณะนี้จึงทำได้เพียงแค่เฝ้ารอ และขอว่าอย่าให้สุนัขกลุ่มนี้มีเชื้อพิษสุนัขบ้า หากไม่มีก็เพียงแค่รักษาแค่อาการติดเชื้อทั่วๆ ไป
ส่วนระยะเวลาการรักษานั้น เนื่องจากตัวน้องดีแมกซ์มีแผลเยอะ และบางแผลลึกมาก ก็จะรักษาจนกว่าแผลที่ลึกจะตื้นขึ้นมา สามารถกลับไปดูแลต่อที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านได้ โดยคาดว่าน่าจะไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพราะตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ และที่คาดว่าจะรักษา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไปนั้น เนื่องจากทางแพทย์จะทำการดูแลแผลให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เมื่อกลับไปบ้านแล้วจะต้องไม่มีปัญหาการติดเชื้อขึ้นมาอีก อยากให้กลับไปในสภาพที่แผลมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผลเป็นหรือการติดเชื้อน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ในภาพรวม จากช่วงแรกที่น้องดีแมกซ์เข้ามารักษานั้น พบว่า มีความเสี่ยงพอสมควรทางแพทย์จึงได้ร่วมกันทั้ง 4 ฝ่าย ได้แก่ แพทย์ของไอซียูศัลยกรรม กุมารแพทย์ แพทย์ศัลยกรรมทั่วไป และแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งดูแลอย่างใกล้ชิด แต่มาถึงตรงนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าเด็กปลอดภัยแล้ว ส่วนด้านสภาพจิตใจนั้นเด็กยังมีอาการตื่นตกใจขณะนี้ได้เตรียมทีมจิตแพทย์ไว้รักษา แต่ต้องรอให้แผลของเด็กมีอาการดีขึ้นกว่านี้ ทีมจิตแพทย์ก็จะเข้ามาเยียวยาจิตใจของเด็กและพ่อแม่คนในครอบครัว เพื่อให้เด็กกลับไปสู่สังคมโรงเรียน โดยที่ไม่มีแผลเป็นในใจติดค้าง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (29 ม.ค.) นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เข้าเยี่ยมอาการและให้กำลังใจครอบครัวของ ด.ช.ยืนยง ชัยราบ หรือน้องดีแมกซ์ อายุ 7 ปี 8 เดือน ซึ่งถูกสุนัขจรจัดในพื้นที่ชุมชนใต้สะพานสารสิน ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา รุมกัด เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายสมภพ ชัยราบ และนางรำแพน แต้มสี บิดาและมารดา ของน้องดีแมกซ์ และญาติร่วมเยี่ยมอาการเป็นเวลาประมาณ 10 นาที
นายแพทย์เฉลิมพงษ์ เปิดเผยว่า อาการล่าสุดของน้องดีแมกซ์ เช้านี้อาการค่อนข้างดีมาก สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ตั้งแต่เมื่อวาน อาการปวดต่างๆ ทุเลาลง โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา แพทย์ได้ใช้ยาแก้ปวดแค่ครั้งเดียว สามารถพูดคุยโต้ตอบได้อย่างดี ซึ่งย้อนกลับไปหลังจากที่ได้เข้าทำการผ่าตัดกันเสร็จ ตั้งแต่ช่วงเวลา 03.00 น. ของวันจันทร์ที่ 28 ม.ค.62 ก็สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ และน้องดีแมกซ์สามารถหายใจได้เอง ต่อมาในเวลา 16.00 น. ก็เริ่มให้อาหารเหลว และคาดว่าในช่วงเที่ยงวันนี้ (29 ม.ค.) จะเริ่มให้อาหารอ่อน เช่น ข้าวต้มโจ๊กต่างๆ ส่วนเรื่องอาการไข้สูงขณะนี้ก็ลดลงตามลำดับจากเดิมที่สูง 39 องศา เช้านี้เหลือแค่ 37.8 เเละ 37.5 องศา ซึ่งน้องดีเเมกซ์เองก็เริ่มพูดโต้ตอบกับแพทย์ได้มากขึ้น เช่น พูดว่า “ไม่อยากให้ทำแผลเพราะเจ็บ” ซึ่งเป็นอาการที่ดีตามลำดับ
ส่วนแนวทางการวางแผนการรักษาในวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.) หมอศัลยกรรมจะพาตัวน้องเข้าห้องผ่าตัด เพื่อตรวจดูบาดแผลและทำการตกแต่งแผลที่เหลือเพื่อให้มีแผลเป็นน้อยที่สุด ให้กลับมาสู่สภาพเดิม แผลไหนที่ติดเชื้อก็จะต้องรักษาอาการก่อน ยังไม่สามารถเย็บได้ แต่แผลที่แห้งแล้วก็จะทำการเย็บติดให้เหมือนเดิม คิดว่าตอนนี้ทุกคนที่ติดตามข่าวของน้องดีแมกซ์อยู่ก็ขอให้สบายใจได้ว่า ขณะนี้น้องอาการดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนปัญหาที่กังวลเรื่องเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น เบื้องต้น ได้มีการฉีดวัคซีนในการป้องกันไปแล้วแต่ก็ต้องประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ของจังหวัดพังงา ในการที่จะกักตัวสุนัขไว้รอดูอาการ ซึ่งจากข้อมูลทราบว่า สามารถจับได้เพิ่มอีกหนึ่งตัวเป็น 5 ตัว โดยอยู่ระหว่างการประสานงานว่าจะมีการตรวจสอบสมองสุนัขว่ามีเชื้อหรือไม่ ในส่วนของวัคซีนนั้นจะฉีดเพิ่มมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะจะเป็นการกดภูมิต้านทาน ขณะนี้จึงทำได้เพียงแค่เฝ้ารอ และขอว่าอย่าให้สุนัขกลุ่มนี้มีเชื้อพิษสุนัขบ้า หากไม่มีก็เพียงแค่รักษาแค่อาการติดเชื้อทั่วๆ ไป
ส่วนระยะเวลาการรักษานั้น เนื่องจากตัวน้องดีแมกซ์มีแผลเยอะ และบางแผลลึกมาก ก็จะรักษาจนกว่าแผลที่ลึกจะตื้นขึ้นมา สามารถกลับไปดูแลต่อที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านได้ โดยคาดว่าน่าจะไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพราะตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ และที่คาดว่าจะรักษา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไปนั้น เนื่องจากทางแพทย์จะทำการดูแลแผลให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เมื่อกลับไปบ้านแล้วจะต้องไม่มีปัญหาการติดเชื้อขึ้นมาอีก อยากให้กลับไปในสภาพที่แผลมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผลเป็นหรือการติดเชื้อน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ในภาพรวม จากช่วงแรกที่น้องดีแมกซ์เข้ามารักษานั้น พบว่า มีความเสี่ยงพอสมควรทางแพทย์จึงได้ร่วมกันทั้ง 4 ฝ่าย ได้แก่ แพทย์ของไอซียูศัลยกรรม กุมารแพทย์ แพทย์ศัลยกรรมทั่วไป และแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งดูแลอย่างใกล้ชิด แต่มาถึงตรงนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าเด็กปลอดภัยแล้ว ส่วนด้านสภาพจิตใจนั้นเด็กยังมีอาการตื่นตกใจขณะนี้ได้เตรียมทีมจิตแพทย์ไว้รักษา แต่ต้องรอให้แผลของเด็กมีอาการดีขึ้นกว่านี้ ทีมจิตแพทย์ก็จะเข้ามาเยียวยาจิตใจของเด็กและพ่อแม่คนในครอบครัว เพื่อให้เด็กกลับไปสู่สังคมโรงเรียน โดยที่ไม่มีแผลเป็นในใจติดค้าง
