นครศรีธรรมราช - ชาวชุมชนวังหีบ จ.นครศรีธรรมราช เครียดกับการถูกบีบบังคับให้อพยพออกจากพื้นที่เพื่อสร้างเขื่อน หลังเจ้าหน้าที่รัฐกดดันตั้งด่านตรวจเข้ม หลังผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการรัฐจากหลายพื้นที่เข้าให้กำลังใจ และร่วมหาทางต่อสู้
ด่านตรวจของฝ่ายปกครอง โดยมีกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดนติดอาวุธตั้งด่านตรวจค้นอย่างเข้มข้นกับผู้ที่เดินทางเข้าสู่ชุมชนวังหีบ ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการเขื่อนวังหีบ เช่นเดียวกับสารวัตรทหารจากมณฑลทหารบกที่ 43 หลายนาย รวมทั้งตำรวจนอกเครื่องแบบอีกหลายนายที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ กำลังกลายเป็นการสร้างความอึดอัดและความตึงเครียดให้แก่ชาวบ้านมากขึ้น หลังจากภาครัฐเพิ่มแรงกดดันในการเดินหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำในพื้นที่ชุมชนวังหีบแห่งนี้ โดยชุมชนวังหีบอย่างน้อย 70 ครัวเรือน จะต้องอพยพออกนอกพื้นที่ ขณะที่ชุมชนได้ต่อสู้มากว่า 10 ปี ในการคัดค้านโครงการจากสถานการณ์ทางสังคมและวิถีเกษตรกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป และไม่มีความจำเป็นในการสร้างเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีกแล้ว
โดยวันนี้ (24 ธ.ค.) ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากหลายโครงการอ่างเก็บน้ำและเขื่อนในภาคใต้ที่ดำเนินการโดยกรมชลประทาน ได้ทยอยเดินทางมาให้กำลังใจชาวชุมชนวังหีบ พร้อมทั้งร่วมหารือเพื่อกำหนดแนวทางในการร่วมกันเป็นเครือข่ายในการต่อสู้กับภาครัฐตามวิถีทางต่างๆ ที่ไม่ผิดกฎหมาย โดยสะท้อนให้เห็นข้อมูลภาครัฐที่บิดเบือนสภาพสถานการณ์ในพื้นที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ข้อมูลในการศึกษาผลกระทบที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และบิดเบือนไปอย่างไม่เป็นธรรมต่อชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กำลังมีความตึงเครียดมากขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้มีกลุ่มคนซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นคนของทางราชการนำใบปลิวที่มีข้อความโจมตีใส่ร้ายชาวบ้าน ว่า เป็นผู้ที่คัดค้านโครงการพระราชดำริ รวมทั้งการกดดันด้วยวิธีการที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง
นางสาคร อยู่เป็นสุข ชาวหมู่ 1 ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช บอกว่า เกิดและเติบโตที่นี่จนอายุ 50 ปีแล้ว มีพื้นที่ทำกินและบ้านที่อาศัยได้รับตกทอดมาจากปู่ย่า พ่อแม่มาจนถึงรุ่นของเธอรวมราว 50 ไร่ เป็นพื้นที่ครอบคลุมของโครงการทั้งหมดไม่เหลือเลย ชาวบ้านกำลังเครียดอย่างหนักจากแรงกดดันของทางราชการที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีมติ ครม.ออกมา ชาวบ้านพยายามปกป้องชุมชน ปกป้องพื้นที่ทำกินของตัวเอง ผิดหมดแต่ราชการกลับทำอะไรถูกหมด
นางสาคร กล่าวพร้อมทั้งยกมือไหว้ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยุติการกระทำที่สร้างความเดือดร้อนและกดดันชาวบ้านเช่นนี้ ขอให้ทบทวนโครงการและศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่อย่างแท้จริง แล้วจะรู้ว่าข้อมูลการศึกษาที่ถูกว่าจ้างให้ทำนั้นบิดเบือนอย่างมาก
