ระนอง - รองผู้การระนอง เผยเส้นทางคนร้ายก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์รถยนต์ต่อเนื่อง ก่อนจนมุมตำรวจตามรวบได้คาบ้านพักที่ชุมพร ระบุก่อนเกิดเหตุนำรถมาซ่อมที่ระนอง
พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล รอง ผบก.ภ.จว.ระนอง กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์รถกระบะ และก่อเหตุต่อเนื่อง ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหา คือ นายพรชัย ไหมคง หรือนายเจ นั้น ก่อนที่จะก่อเหตุยิง นายจำนง โสนเส้ง หรือ ช่างแมว จนเสียชีวิตที่บ้านระวิ ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง และชิงรถกระบะ นั้น ผู้ต้องหาได้นำรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ตอนเดียว สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บง 8878 ระนอง ไปซ่อมไว้ที่อู้ลิ้มเจริญ อ.เมือง จ.ระนอง
หลังจากนั้นได้ขโมยรถกระบะที่จอดอยู่ข้างอู่ ยี่ห้อโตโยต้า ไทเกอร์ แค็บมีหลังคา สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บง 6129 ระนอง แล้วขับหลบหนีออกไปจากตัวเมือง แล้วนำไปจอดไว้ที่ในซอยของบ้านระวิ ม.5 ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง หลังจากนั้น คนร้ายได้เดินออกมาปากซอย แล้วข่มขู่ชิงเอารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน ของลูกจ้างสวนยางชาวพม่าที่ขับขี่ผ่านมาบริเวณปากซอย แล้วขับหลบหนีไป
หลังจากนั้น ลูกจ้างชาวพม่าได้แจ้งกับเจ้าของสวน และได้แจ้งไปที่กำนัน ม.5 ช่วยกันออกติดตามจนสามารถจับกุมตัวไว้ได้ โดยผู้ช่วยกำนันได้ให้คนร้ายยืนพิงเสาข้างทาง และถ่ายรูปไว้ แต่ท่าทีคนร้ายดูมีพิรุธเพราะที่ตัวคนร้ายได้สะพายกระเป๋าอยู่ 1 ใบ ซึ่งอาจจะมีอาวุธซุกซ่อนอยู่ จึงได้กลับไปเอาปืนที่บ้าน โดยได้ให้เจ้าของสวน และลูกจ้างเฝ้าคนร้ายไว้ และโทร.แจ้งกำนันเพื่อนำกำลังมาสมทบ
โดยหลังจากไปเอาปืนแล้วกลับมาที่คนร้าย พบว่า กำนัน และพวกถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่กำนันและลูกน้องแต่วิ่งหลบกันได้ทัน หลังจากนั้นคนร้ายได้ชิงรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีขาวส้ม ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งเป็นรถของกำนัน ขับหลบหนีกลับไปในซอย ม.5 เพื่อไปเอารถยนต์คันที่ได้ขโมยมาคันแรกหลบหนีอีกครั้ง โดยในระหว่างหลบหนีการไล่ล่า คนร้ายได้ขับขี่รถไปจอดหน้าอู่รถแห่งหนึ่งข้างทาง
ซึ่งเป็นอู่รถของ นายจำนง โสยเส้ง ผู้เสียชีวิต และได้ลงจากรถเดินเข้าไปนั่งในรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กข 8643 ระนอง ซึ่งเป็นของผู้เสียชีวิต และเตรียมที่จะขับออกจากอู่ ผู้เสียชีวิตห็นจึงรีบเดินเข้าไปขัดขวางคนร้าย และถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นชนิด 9 มม. ยิงเข้าที่หน้าอกในระยะประชิด จนผู้เสียชีวิตล้มลง จากนั้นคนร้ายได้ขับขี่รถของผู้เสียชีวิตออกจากอู่ แล้วกลับรถหลบหนีไปทางเส้นทางที่จะไปตัวเมือง และได้หลบหนีไปทางบ้านทุ่งคา ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง
โดยหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้สกัดจับแล้วแต่ยังไม่พบร่องรอยของรถ และคนร้าย จนต่อมาในช่วงค่ำ เจ้าหน้าที่ไปพบรถกระบะของผู้ตาย จอดติดหล่มอยู่ในลำห้วย บ้านห้วยหลุง ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง แต่ไม่พบตัวคนร้าย คาดว่าคนร้ายพยายามจะขับรถโดยใช้เส้นทางข้ามเขาเพื่อหลบหนีไปกบดานที่บ้านทับขอน ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นถิ่นเก่าของคนร้ายนั่นเอง ที่ห่างจากจุดที่เจอรถไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่จึงจะได้จัดกำลังออกไล่ล่าตัวคนร้ายตลอดทั้งคืน และแบ่งกำลังอีกชุดไปดักรอที่บ้านของคนร้ายในซอยทับขอน ม.5 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.พะโต๊ะ จนเมื่อช่วงสายของวันนี้ (9 ต.ค) เจ้าหน้าที่ได้เข้าขอความร่วมมือกับแม่ของคนร้ายให้ช่วยเจรจาให้คนร้ายมอบตัว จนสุดท้ายสามารถจับกุมตัวคนร้าย และนำตัวกลับมาสอบสวนต่อที่ สภ.ละอุ่น
จากการสอบถามคนร้าย กล่าวว่า หลังจากที่ขับรถกระบะของผู้เสียชีวิตไปติดหล่มในลำห้วยแล้ว ได้ทิ้งรถแล้วเดินเท้าท่ามกลางความมืดมุ่งหน้าจะกลับไปบ้าน โดยอาศัยที่เป็นคนชำนาญพื้นที่ แต่ระหว่างทางที่จะกลับบ้านนั้นได้ผ่านบ้านคู่อริ และได้ยิงต่อสู้กัน จนได้รับบาดเจ็บที่คอ และแขน จึงได้หลบหนีต่อไปที่บ้านของเพื่อน ให้เอารถกระบะไปส่งที่บ้าน เพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จนต่อมาในช่วงสายของอีกวันก็มาถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมและจับกุมดังกล่าว
พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล รอง ผบก.ภ.จว.ระนอง กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์รถกระบะ และก่อเหตุต่อเนื่อง ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหา คือ นายพรชัย ไหมคง หรือนายเจ นั้น ก่อนที่จะก่อเหตุยิง นายจำนง โสนเส้ง หรือ ช่างแมว จนเสียชีวิตที่บ้านระวิ ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง และชิงรถกระบะ นั้น ผู้ต้องหาได้นำรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ตอนเดียว สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บง 8878 ระนอง ไปซ่อมไว้ที่อู้ลิ้มเจริญ อ.เมือง จ.ระนอง
หลังจากนั้นได้ขโมยรถกระบะที่จอดอยู่ข้างอู่ ยี่ห้อโตโยต้า ไทเกอร์ แค็บมีหลังคา สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บง 6129 ระนอง แล้วขับหลบหนีออกไปจากตัวเมือง แล้วนำไปจอดไว้ที่ในซอยของบ้านระวิ ม.5 ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง หลังจากนั้น คนร้ายได้เดินออกมาปากซอย แล้วข่มขู่ชิงเอารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน ของลูกจ้างสวนยางชาวพม่าที่ขับขี่ผ่านมาบริเวณปากซอย แล้วขับหลบหนีไป
หลังจากนั้น ลูกจ้างชาวพม่าได้แจ้งกับเจ้าของสวน และได้แจ้งไปที่กำนัน ม.5 ช่วยกันออกติดตามจนสามารถจับกุมตัวไว้ได้ โดยผู้ช่วยกำนันได้ให้คนร้ายยืนพิงเสาข้างทาง และถ่ายรูปไว้ แต่ท่าทีคนร้ายดูมีพิรุธเพราะที่ตัวคนร้ายได้สะพายกระเป๋าอยู่ 1 ใบ ซึ่งอาจจะมีอาวุธซุกซ่อนอยู่ จึงได้กลับไปเอาปืนที่บ้าน โดยได้ให้เจ้าของสวน และลูกจ้างเฝ้าคนร้ายไว้ และโทร.แจ้งกำนันเพื่อนำกำลังมาสมทบ
โดยหลังจากไปเอาปืนแล้วกลับมาที่คนร้าย พบว่า กำนัน และพวกถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่กำนันและลูกน้องแต่วิ่งหลบกันได้ทัน หลังจากนั้นคนร้ายได้ชิงรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีขาวส้ม ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งเป็นรถของกำนัน ขับหลบหนีกลับไปในซอย ม.5 เพื่อไปเอารถยนต์คันที่ได้ขโมยมาคันแรกหลบหนีอีกครั้ง โดยในระหว่างหลบหนีการไล่ล่า คนร้ายได้ขับขี่รถไปจอดหน้าอู่รถแห่งหนึ่งข้างทาง
ซึ่งเป็นอู่รถของ นายจำนง โสยเส้ง ผู้เสียชีวิต และได้ลงจากรถเดินเข้าไปนั่งในรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กข 8643 ระนอง ซึ่งเป็นของผู้เสียชีวิต และเตรียมที่จะขับออกจากอู่ ผู้เสียชีวิตห็นจึงรีบเดินเข้าไปขัดขวางคนร้าย และถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นชนิด 9 มม. ยิงเข้าที่หน้าอกในระยะประชิด จนผู้เสียชีวิตล้มลง จากนั้นคนร้ายได้ขับขี่รถของผู้เสียชีวิตออกจากอู่ แล้วกลับรถหลบหนีไปทางเส้นทางที่จะไปตัวเมือง และได้หลบหนีไปทางบ้านทุ่งคา ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง
โดยหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้สกัดจับแล้วแต่ยังไม่พบร่องรอยของรถ และคนร้าย จนต่อมาในช่วงค่ำ เจ้าหน้าที่ไปพบรถกระบะของผู้ตาย จอดติดหล่มอยู่ในลำห้วย บ้านห้วยหลุง ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง แต่ไม่พบตัวคนร้าย คาดว่าคนร้ายพยายามจะขับรถโดยใช้เส้นทางข้ามเขาเพื่อหลบหนีไปกบดานที่บ้านทับขอน ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นถิ่นเก่าของคนร้ายนั่นเอง ที่ห่างจากจุดที่เจอรถไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่จึงจะได้จัดกำลังออกไล่ล่าตัวคนร้ายตลอดทั้งคืน และแบ่งกำลังอีกชุดไปดักรอที่บ้านของคนร้ายในซอยทับขอน ม.5 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.พะโต๊ะ จนเมื่อช่วงสายของวันนี้ (9 ต.ค) เจ้าหน้าที่ได้เข้าขอความร่วมมือกับแม่ของคนร้ายให้ช่วยเจรจาให้คนร้ายมอบตัว จนสุดท้ายสามารถจับกุมตัวคนร้าย และนำตัวกลับมาสอบสวนต่อที่ สภ.ละอุ่น
จากการสอบถามคนร้าย กล่าวว่า หลังจากที่ขับรถกระบะของผู้เสียชีวิตไปติดหล่มในลำห้วยแล้ว ได้ทิ้งรถแล้วเดินเท้าท่ามกลางความมืดมุ่งหน้าจะกลับไปบ้าน โดยอาศัยที่เป็นคนชำนาญพื้นที่ แต่ระหว่างทางที่จะกลับบ้านนั้นได้ผ่านบ้านคู่อริ และได้ยิงต่อสู้กัน จนได้รับบาดเจ็บที่คอ และแขน จึงได้หลบหนีต่อไปที่บ้านของเพื่อน ให้เอารถกระบะไปส่งที่บ้าน เพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จนต่อมาในช่วงสายของอีกวันก็มาถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมและจับกุมดังกล่าว
