ยะลา - กระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” ยังคงมาแรงสุดๆ คนไทยใต้สุดแดนสยามเมืองเบตง และคนไทยในมาเลเซียแห่ซื้อเสื้อผ้าชุดไทย ห่มสไบเหมือนแม่การะเกด เตรียมใส่เล่นน้ำสงกรานต์ไม่แพ้ภาคไหนๆ ขณะที่เสื้อลายดอกหงอยเหงา แม่ค้าเผยยอดขายตกวูบกว่าครึ่ง
วันนี้ (10 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศตามร้านขายเสื้อผ้าลายดอก ซึ่งในช่วงเดือนเมษายนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์จะขายดีเป็นพิเศษ โดยที่ร้าน “โอ้ไหมไทย” ริมถนนนาคราชบำรุง ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเปิดเป็นร้านขายเสื้อลายดอกทั้งปลีก และส่ง ราคาขายส่งตัวละ 150-180 บาท ขายปลีกตัวละ 200-250 บาท มีเสื้อลายดอกจำนวนมากแขวนโชว์ทั่วทั้งร้านให้ลูกค้าได้เดินเลือกซื้ออย่างจุใจ บรรยากาศการซื้อขายภายในร้าน บรรดาลูกค้าต่างแวะเวียนเข้ามาเลือกซื้อกันตลอดทั้งวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปใส่เล่นสงกรานต์ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างพากันเลือกซื้อไปคนละตัวสองตัว
นางจันสม เมืองวงศ์ อายุ 53 ปี เจ้าของร้านเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ปกติที่ร้านขายเสื้อผ้าลายดอก และมีชุดไทยให้เช่า และขาย แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทางร้านจะเน้นขายเสื้อผ้าลายดอกหลากสี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการสวมใส่ในวันสงกรานต์ และเป็นเสื้อที่คนส่วนใหญ่จะเลือกซื้อไปใส่เล่นสาดน้ำสงกรานต์ทุกปี แต่ในปีนี้กระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” ยังมาแรงสุดๆ แม้ใกล้ถึงตอนจบ ทำให้ลูกค้าในพื้นที่ และมาจากมาเลเซียเข้ามาสั่งเป็นจำนวนมาก โดยทางร้านจะมีเครื่องประดับพร้อมให้ด้วยหากลูกค้ามาเช่าชุดไทย รวมทั้งยังมีเสื้อผ้าลายไทยสมัยรัชกาลที่ 5 รวมทั้งชุดบ่าวสาวในยุครัชกาลที่ 5 ด้วย เพราะคนไทยสมัยนี้ได้หันมาเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดไทยกันมากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วงนี้กระแสละครบุพเพสันนิวาส และกระแสการแต่งชุดไทยเป็นที่นิยมอย่างมาก เสื้อลายดอกจึงได้รับผลกระทบในช่วงนี้เต็มๆ
“ในทุกๆ ปีที่ผ่านมา จะมีออเดอร์สั่งเข้ามาจำนวนมากจากฝั่งมาเลเซีย ปีนี้จึงสั่งเสื้อลายดอกมาเพิ่มอีกเท่าตัว แต่ปรากฏว่า ผิดคาด ไม่มีออเดอร์จากลูกค้าสั่งเข้ามาเลย มีเพียงลูกค้ามาซื้อหน้าร้านเท่านั้น ซึ่งก็คือการขายปลีกตัวละ 200-250 บาท ยอดขายเสื้อลายดอกปีนี้ลดลงถึง 60-70% อาจเป็นเพราะทั้งเศรษฐกิจไม่ดี และกระแสออเจ้ามาแรง ส่งผลกระทบต่อการขายเสื้อผ้าลายดอก เพราะทุกปีที่ผ่านมาลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการที่มักจะสั่งซื้อเสื้อผ้าไปใส่ในหน่วยงานก็ไม่สั่งซื้อ เพราะปีนี้ทุกหน่วยงานเน้นสวมใส่เสื้อผ้าชุดไทยกันหมด”
