ปัตตานี - มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดงานเสวนา 14 ปี ทนายสมชาย จิต-วิญญาณที่ไม่สามารถบังคับให้สูญหาย เผยข้อมูลกลางเวทียังคง “มีเรื่องร้องเรียนการซ้อมทรมานผู้ต้องหาไฟใต้กว่า 10 รายต่อปี”
วันนี้ (12 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ห้องประชุมปาตานีเซ็นเตอร์ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามปัตตานี หลังเก่า อ.เมือง จ.ปัตตานี ทางมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมจัดกิจกรรม “เสวนา 14 ปี ทนายสมชาย จิต-วิญญาณที่ไม่สามารถบังคับให้สูญหาย” โดยมีนายอนุกูล อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายความมุสลิม ประจำจังหวัดปัตตานี, นายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ ทนายความ ประธานศูนย์มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ประจำจังหวัดยะลา, นายมันโซร์ สาและ รองประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้, นายเอกรินทร์ ต่วนศิริ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, นายมูฮัมหมัดอาลาดี เด็งนิ ประธานมูลนิธินูซันตาราเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
นายอนุกูล อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายความมุสลิม ประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า สืบทอดเจตนารมณ์ของพวกเราที่จัดงานนี้ขึ้นมา เพื่อรำลึก 14 ปี ทนายสมชาย นิละไพจิตร ที่ได้สูญหาย พวกเราต้องการทำตามข้อเรียกร้องของทนายสมชาย ในประเด็นการเรียกร้องให้เซ็นชื่อ 4 หมื่นชื่อ เพื่อยกเลิกกฎอัยการศึกที่มีการบังคับใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเรียกร้องของผู้ต้องหาในคดีปล้นปืน 5 คน ที่ได้มาร้องเรียนว่าถูกซ้อมทรมาน และทนายสมชายได้เรียกร้องในช่วงก่อนที่จะหายตัวไป
“เราต้องการบอกสังคมว่า ที่นี่ยังมีการซ้อมทรมานเกิดขึ้นอยู่ และการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จะไม่สงบ หากยังมีการซ้อมทรมาน”
การซ้อมทรมานทั้งอดีตและปัจจุบัน ยังมีการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยแล้วแต่ละปีมีมากว่า 10 คดี โดยเฉพาะปี 2560 มีผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกซ้อมทรมานทั้งหมด 10 ราย แสดงให้เห็นว่าการซ้อมทรมานในพื้นที่ยังมีอยู่ ทุกฝ่ายคงต้องช่วยกันแก้ปัญหาให้หมดไปในพื้นที่ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข เกิดสันติภาพในพื้นที่ให้ได้
วันนี้นักต่อสู้ได้รับอุดมการณ์จากทนายสมชาย เราได้รับแบบอย่างเบ้าหลอมที่ดีมาจากทนายสมชาย คิดว่าจะจัดงานนี้ทุกปี และแต่ละปีจะมีการพัฒนาให้มากขึ้น อย่างเช่นปีนี้ก็มีกวี มีการร้องเพลง มีบรรยากาศของการรำลึกถึงทนายสมชายที่สูญหาย ทุกปรากฏการที่เกิดขึ้นเราถือว่าเป็นบทเรียน อยากบอกว่าทนายสมชายไม่ใช่มาลายู รับรองได้เลยว่าไม่มีเรื่องของแบ่งแยกดินแดน
ด้านนายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ ทนายความประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า ปรากฏการณ์การหายไปของทนายสมชาย เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนักต่อสู้อีกหลายคน งานในวันนี้ทางศูนย์ทนายความมุสลิมฯ จัดงานขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงทนายสมชาย และเพื่อแสดงจุดยืนถึงการต่อสู้เพื่อให้ได้มาถึงสันติภาพและเสรีภาพ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐมีความเข้าใจตรงกันว่า “ทนายสมชายเป็นนักต่อสู้ ไม่ใช่ทนายโจรอย่างที่ถูกกล่าว”
ขณะที่ น.ส.ประทับจิต นีละไพจิตร ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การบังคับบุคคลสูญหาย เริ่มต้นจากกระบวนการสร้างศัตรูทางการเมือง โดยเลือกปฏิบัติจากพื้นฐานความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา อุดมการณ์ทางการเมือง การบังคับบุคคลสูญหาย มีวัตถุประสงค์ทำลายศัตรูทางการเมือง และสร้างความหวาดกลัวให้แก่การแสดงความแตกต่างทางความคิด ให้กับครอบครัวเหยื่อ และสังคม
“ข้าพเจ้าจะไม่แบกหิ้วภาระแห่งความเกลียดชัง ความหวาดกลัวที่ผู้กระทำทิ้งไว้ ขณะเดียวกันข้าพเจ้าปฏิเสธไม่รับการปรองดองบนความสัมพันธ์ฉาบฉวย ของผู้ต้องการคงสถานะโครงสร้างไม่เท่าเทียมกันไว้ในสังคม ข้าพเจ้าอ่อนน้อมว่า แนวทางของตนไม่ได้ถูกต้องที่สุด แต่จะดื้อดึงถึงที่สุด ว่าสันติต้องมาพร้อมความเป็นธรรม เท่าเทียมในฐานะมนุษย์ ครอบครัวผู้สูญหายทุกคนต้องเข้าถึงความจริงเกี่ยวกับชะตากรรมของคนในครอบครัว และพวกเขาต้องได้รับการรับฟัง ต้องได้รับการเคารพ เมื่อพวกเขาเปล่งเสียงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นต้องไม่เกิดขึ้นอีกแล้วในสังคมไทย”
นายมูซอ (ขอสงวนนามสกุล) ชาว จ.ปัตตานี กล่าวว่า เป็นความเจ็บปวดของชาวบ้านภาคใต้ทุกคน เมื่อมีการพูดถึงเรื่องนี้ แม้รัฐจะกล่าวหาว่าทนายสมชายเป็นทนายโจร เพราะรัฐทำให้หาย แต่ชาวบ้านยืนยันว่า ทนายสมชายเป็นนักต่อสู้เพื่อชาวบ้าน รัฐสร้างปัญหาให้ชาวบ้าน ชาวบ้านก็ออกมาเรียกร้อง ทนายสมชายมาช่วยชาวบ้าน รัฐมาทำให้เขาหาย ถามว่าใครคือโจร รัฐหรือทนายสมชาย สำหรับชาวบ้านทนายสมชายไม่ใช่โจร เรื่องนี้สังคมควรเรียกร้อง รัฐคือโจรไม่ใช่ทนายสมชาย เราขอความเป็นธรรมให้ชาวบ้าน และให้ทนายสมชายด้วย
ในเวลาเดียวกัน ศอ.บต. ได้นำคณะมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นเนล 2017 และมิสแกรนด์ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส 2018 เดินทางไปเยี่ยมเยียน และพบปะน้องๆ เด็กกำพร้า จากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ และเด็กกำพร้าที่ยากจนอนาถา ที่มูลนิธิเด็กกำพร้าปัญญาเลิศ ม.1 บ้านสุไหงปาแน ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อมาให้กำลังใจให้กับน้องๆ เด็กกำพร้า จึงสร้างความประทับใจให้กับน้องๆ เป็นอย่างมาก เพราะได้มีโอกาสดูนางงามตัวจริง
ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับจากผู้บริหารมูลนิธิฯ คณะครู และนักเรียน รวมทั้งผู้ปกครองร่วมให้การต้อนรับอย่างชื่นมื่น นอกจากนั้นแล้ว เด็กนักเรียนยังได้อ่านบทกวี และขับร้องอานาซีด แทนการขอบคุณ ก่อนที่จะมีการมอบของที่ระลึก ที่น้องๆ เด็กกำพร้าจัดทำขึ้น เพื่อจำหน่ายให้กับมิสแกรนด์ทั้ง 5 คน ที่มาเยือนในครั้งนี้ ก่อนจะมีการถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกอีกด้วย