xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเลฯ แถลงซัดโฆษก รบ.ไม่เปิดใจรับฟังข้อมูลเรื่องผลกระทบจากถ่านหิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - เข้าสู่วันที่ 4 แล้วสำหรับการอารยะขัดขืน อดอาหารประท้วงยกเลิกสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ ของทางเครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเล กระบี่-เทพา เผยล่าสุด มีพี่น้องเป็นลมเข้า รพ.แล้ว 7 คน โดยทางเครือข่ายก็ยังได้ออกแถลงการณ์ซัดโฆษกรัฐบาลไม่เปิดใจรับฟังข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ เรื่องผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่ทั่วโลก

แถลงการณ์ เครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเล กระบี่-เทพา ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561

ตามที่มีการอารยะขัดขืนเพื่อให้ยุติการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่เทพา ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 4 โดยตลอด 3 วันที่ผ่านมา ยังไม่มีการตอบสนองจากรัฐบาล โดยเมื่อวาน คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ มีผู้อดอาหารเป็นลมเข้าโรงพยาบาล จำนวน 7 คน วันนี้ ทางเครือข่ายได้เตรียมการเพื่อดูแลผู้อดอาหารมากยิ่งขึ้น เนื่องจากภาวะอ่อนเพลีย และขอบคุณ สน.นางเลิ้ง ที่ได้จัดรถสำหรับนำผู้ที่เป็นลมส่งโรงพยาบาล

สำหรับเหตุการณ์เมื่อวานได้มีการแถลงเพิ่มเติมของโฆษกรัฐบาลผ่านสื่อมวลชน โดยทางเครือข่ายขอชี้แจงเพื่อความเข้าใจร่วมกัน ดังนี้

1.การที่โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า เทคโนโลยีไปไกลแล้ว อยากขอให้โฆษกรัฐบาลได้แสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ามีเทคโนโลยีที่ทำให้ถ่านหินสะอาดจริง เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่กล้าประกาศเช่นนี้ การที่โฆษกพูดโดยไร้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เท่ากับจงใจโฆษณาตามการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

2.การที่พยายามบอกว่า ให้ผู้ชุมนุมเปิดใจรับฟังเหตุผล แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ขอเวลาศึกษาว่าพลังงานที่จะนำมาสร้างกระแสไฟฟ้าแต่ละชนิดมีผลกระทบอย่างไร
สำหรับข้อนี้รัฐบาลควรถามตัวเองว่าเหตุใดจึงไม่เปิดใจรับฟังข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ที่มีการศึกษาเรื่องผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่มากมาย ซึ่งทั่วโลกได้ตระหนักถึงพิษภัยของโรงไฟฟ้าถ่านหิน ถึงขั้นประกาศปิดโรงไฟฟ้า รัฐบาลต่างหากที่ไม่รับฟังเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ และหากรัฐบาลขอเวลาศึกษาพลังงานแต่ละชนิด คำถามคือ รัฐบาลให้ใครศึกษา ศึกษาด้วยวิธีการใด และหากอยู่ในระหว่างการศึกษา ทำไมถึงเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน นี่คือคำลวงอีกวาระหนึ่งของโฆษกรัฐบาล

3.ถ้าตั้งใจคัดค้านโดยไม่สนใจเหตุผลทางวิชาการ แล้วประเทศจะเดินหน้าได้อย่างไร
สำหรับประเด็นนี้ คนที่ไม่สนใจเหตุผลทางวิชาการคือ รัฐบาลเอง 1.ประเทศไฟล้นเกินกว่า 1 หมื่นเมกะวัตต์ ทำไมรัฐบาลไม่พูด 2.ศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียนในภาคใต้มีจำนวนมาก ทำไมรัฐบาลไม่ซื้อ 3.มีงานศึกษาเรื่องผลกระทบถ่านหิน ทำไมรัฐบาลไม่รับฟัง 4.ผู้นำในประเทศยุโรปประกาศปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน ประเทศเหล่านี้ล้าหลังทางด้านเทคโนโลยีกว่าประเทศไทยใช่หรือไม่ จึงต้องปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน 5.ประเทศจะเดินหน้าอย่างไรนั้น หากส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน ประเทศนี้จะสะอาด รายได้กระจายไปสู่เมือง ไม่ใช่ผูกขาดเฉพาะกลุ่มทุนเพียงไม่กี่ตระกูลอย่างที่เป็นอยู่ โฆษกรัฐบาลจึงต้องเลือกว่า คำว่าประเทศของโฆษกรัฐบาลหมายถึงใคร?

4.รัฐบาลไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้ถ่านหิน แต่ให้ไปศึกษาเรื่องผลกระทบ
ประเด็นนี้โฆษกรัฐบาลยังไม่เข้าใจว่า การศึกษาผลกระทบของ กฟผ. คือ การเดินหน้าโครงการ หากรัฐบาลอยากจะศึกษาผลกระทบที่สะท้อนข้อเท็จจริง ต้องตั้งกรรมการที่มีความเป็นกลางมาศึกษา ไม่ใช่รอฟังผลของบริษัทรับจ้าง การอ้างว่าศึกษาผลกระทบ หรืออีไอเอแล้วไม่สร้างนั้น เป็นคำลวงของรัฐบาล

5.โฆษกรัฐบาลพยายามอ้างถึงคนส่วนใหญ่ว่า จะให้ยกเลิกคนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่
โฆษกพยายามยกอ้างเหตุผลเอาแต่ได้ ด้วยเหตุว่าเวลามีผู้มาคัดค้านก็พยายามบอกว่าเป็นคนนอกพื้นที่ แต่พอคนในพื้นที่บอกว่า ได้รับผลกระทบ ก็มายกอ้างถึงคนส่วนใหญ่ เป็นการยกอ้างเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ประชาชนไร้ความหมายสำหรับรัฐบาล แต่พ่อค้าพลังงานคือสิ่งที่รัฐบาลต้องปกป้องใช่หรือไม่ เพราะเมื่อมองจากตรรกะที่แสดงแล้ว ล้วนขัดกันทั้งสิ้น หากเจตนารมณ์ซื่อตรงแล้ว เหตุผลย่อมซื่อตรงไม่เลี่ยนแปลง หรือขัดกัน

นอกจากนี้แล้ว กิจกรรมในวันนี้ยังจะมีประชาชนส่วนต่างมาแสดงพลังร่วมกันเพื่อยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน เช่น การแถลงของกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และวันพรุ่งนี้ 16 กุมภาพันธ์ จะมีการพบกันของตัวแทนกระบี่ เทพา และตัวแทนของสหประชาชาติ นอกจากนี้ ภายในวันสองวันนี้จะมีพี่น้องจากภาคใต้ขึ้นมาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ

ทางเครือข่ายขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ สนับสนุนด้านต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชนทุกท่านที่ช่วยสื่อสาร

เครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเล กระบี่-เทพา ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน 15 ก.พ.61
 









กำลังโหลดความคิดเห็น