ยะลา - คืบหน้าจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตลาดสดรถไฟ จ.ยะลา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังคุมเข้มรอบตลาด ขณะที่ 2 ผู้ต้องสงสัยจักรยานยนต์บอมบ์ให้การปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็น
วันนี้ (25 ม.ค.) บรรยากาศที่ตลาดสดพิมลชัย จ.ยะลา มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ร่วมกับ อส.อำเภอเมืองยะลา และอาสาสมัครพิทักษ์เมือง ได้เฝ้าตรวจตราบริเวณทางเข้าออกตลาดสด และตรวจสอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์อย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นไปตามมาตรการในการดูแลความปลอดภัย หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในตลาดสด เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็ยังคงเปิดร้านค้าขายสินค้ากันตามปกติบ้างแล้ว เว้นแต่พื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุที่ต้องมีการซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย
ส่วนความคืบหน้าทางการติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ได้มีรายงานจากหน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ ระบุว่า หลังจากเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา นำกำลังชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว เข้าเชิญตัวผู้ต้องสงสัยตามกฎอัยการศึก จำนวน 2 คน เป็นชาวบ้านในพื้นที่บ้านสาคอ ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา 1 คน และชาวบ้านในพื้นที่ ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา 1 คน โดย จนท.สามารถไปควบคุมได้ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ขณะนี้ทั้งสองถูกควบคุมตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการซักถามที่ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา
“จากการซักถามเบื้องต้น ทั้ง 2 ราย ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นต่อเหตุการณ์ระเบิดในตลาดสดพิมลชัย แต่ 1 ใน 2 ให้การรับสารภาพว่า มีส่วนรู้เห็นต่อเหตุการณ์ยิงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จ.ยะลา เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการรวบรวมคำให้การ เพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อตรวจสอบคดีดังกล่าวอีกครั้ง” หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ระบุ
หน่วยข่าวยังระบุอีกว่า สำหรับการติดตามคนร้ายที่ลอบวางระเบิดในตลาดสดรถไฟ (ตลาดพิมลชัย) เขตเทศบาลนครยะลา ขณะนี้มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงภาพจากกล้องวงจรปิด จนพบพื้นที่ที่คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์บรรจุระเบิดออกมา นอกจากนั้น ยังพบว่ามีกลุ่มแนวร่วมอีกหลายคนที่ออกมาเคลื่อนไหวตามเส้นทางที่รถจักรยานยนต์บรรจุระเบิดจะวิ่งผ่าน โดยเชื่อว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมที่มาคอยดูต้นทางให้คนร้ายที่ปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้มีภาพของบุคคลต้องสงสัยเหล่านี้แล้ว อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวมาสอบสวนว่าเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่
