ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักธุรกิจผู้กว้างขวางวงการยางไทย ผู้เคยร่วมทำคลอด “กยท.” มากับมือ ฟังธงองค์กรแห่งนี้สอบตกอย่างไม่น่าให้อภัย หากพิจารณาผลงานรอบปี 2560 เพราะทำราคาดิ่งเหว ทั้งยางแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควัน แถมบริหารสต๊อกลดลงเกินกว่าครึ่ง แต่ทำไมชาวสวนยังขายได้แค่ 3 โลร้อยเศษๆ เท่านั้น
นายวิสุทธิ์ นิติยารมย์ หรือโกจั้ว นักธุรกิจชาวนครศรีธรรมราช ผู้กว้างขวางในวงการยางไทย ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานเกษตรกรรายย่อยภาคใต้ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อีกทั้งเคยเป็นคณะทำเพื่อแก้ปัญหาราคายางตกต่ำในหลายรัฐบาล และที่สำคัญ เป็นผู้ที่เสนอให้ตั้งองค์กรอย่างการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ขึ้นในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านศักราชปีไก่ 2560 สู่ปีสุนัข 2561 เขาให้ความคิดเห็นต่อ “MGR Online ภาคใต้” ว่า ผลงานในรอบปี 2560 ของ กยท.ถือว่าสอบตกอย่างไม่น่าให้อภัย
นายวิสุทธิ์ ให้ความเห็นว่า แม้จะมีหลากหลายปัจจัยด้วยกันที่สามารถตัดสินได้ว่า การบริหารงานขององค์กร กยท.ช่วงปี 2560 สอบตกโดยสิ้นเชิง แต่ที่อยากจะหยิบยกมาชี้ให้เห็นชัดเจนก็คือ สิ่งที่สามารถเปรียบเทียบได้ชัดเจนยิ่ง ดูได้จากราคายางพารา ณ ตลาดกลางหาดใหญ่ โดยเฉพาะยางแผ่นดิบช่วงเดือน ม.ค.2560 อยู่ที่ 82.09 บาท/กก. พอเดือน ก.พ.2560 ขึ้นเป็น 86.21 บาท/กก. แล้วเดือน มี.ค.ตกลงมาที่ 72.38 บาท/กก. แต่แล้วมาปลายปีวันที่ 22 ธ.ค.2560 กลับดิ่งลงมาอยู่ที่ 43.25 บาท/กก.
โกจั้ว ในฐานะผู้ที่มีส่วนร่วมปลุกปั้นองค์กรอย่าง กยท.ขึ้นมากับมือ กล่าวด้วยว่า เช่นเดียวกันในส่วนของราคายางแผ่นรมควัน ณ ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ ยางแผ่นรมควันช่วง ม.ค.2560 อยู่ที่ 86.19 บาท/กก. เดือน ก.พ.อยู่ที่ 87.85 บาท/กก. แล้วเดือน มี.ค.2560 ตกลงมาอยู่ที่ 74.62 บาท/กก. แต่พอมาถึงวันที่ 22 ธ.ค.2560 กลับดิ่งเหลวเหลือเพียง 46.13 บาท/กก.
“แล้วการที่ราคายางแผ่นดิบชั้น 3 ช่วงนี้ลดลงไปแล้วถึงประมาณ 38 บาท/กก. ถ้าเอาผลผลิตแค่ 6 เดือนที่ผ่านมา ที่มีปริมาณยางแผ่นดิบชั้น 3 ออกสู่ตลาดประมาณ 2 ล้านตัน แล้วคูณด้วยราคาที่หายไป 38 บาท/กก. ผลที่ได้ คือ 76,000 ล้านบาท แสดงว่าเงินของชาวสวนยางหายไปถึงประมาณ 76,000 ล้านบาท นี่คือความเสียหายของชาวสวนยางพาราทั้งประเทศไทยเลยทีเดียว” นายวิสุทธิ์ ชี้ประเด็นความล้มเหลวของการบริหารงานของ กยท.ในรอบปี 2560 ที่ผ่านมา
ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานเกษตรกรรายย่อยภาคใต้ ยังเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากนี้แล้วอยากให้สังคมได้ดูที่จำนวนสต๊อกยางพาราของตลาดโลกกัน โดยเมื่อเดือน ม.ค.2560 โลกมีสต๊อกอยู่ประมาณ 1.5 ล้านตัน แต่พอเดือน ธ.ค.2560 กลับลดลงเหลืออยู่เพียงประมาณ 6 แสนตัน นั่นแสดงว่า ปริมาณการสต๊อกยางพาราในตลาดโลกลดลง แต่ทำไมราคายางพาราแทนที่จะเพิ่มขึ้นเพราะสต๊อกในโลกมีน้อย ทว่า ราคายางพาราในประเทศไทยเองกลับมีราคาดิ่งเหวลดลงมาถึงประมาณ 38 บาท/กก.
“ผู้บริหารทั้งชุดขององค์กรอย่าง กยท.โปรดรับรู้ไว้ด้วยว่า ชาวสวนยางทั้งประเทศไทยไม่สามารถยอมรับฝีมือการบริหารของพวกท่านได้ โดยเฉพาะในการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการผลักดันให้มีการก่อตั้ง กยท.ขึ้นมาแต่อย่างใด โดยเฉพาะกับกฎหมายที่ให้จัดตั้ง กยท.ในมาตรา 8 ข้อ 4 ก็ลองไปทบทวนกัน” โกจั้ว ตั้งประเด็นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้พิจารณา
อย่างไรก็ตาม แม้นายวิสุทธิ์ จะไม่ได้กล่าวถึงใครแบบระบุตัวบุคคล หรือคณะ โดยได้กล่าวทิ้งท้ายไว้แค่ว่า “โปรดพิจารณาตัวเองด้วย” แต่เพียงเท่านั้น แต่สำหรับสังคมไทยแล้ว จากข้อมูลที่เขากล่าวมานั้นย่อมเป็นเรื่องราวที่ชี้ชัดให้แก่ นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ กยท. รวมทั้ง พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานคณะกรรมการ กยท. หรือประธานบอร์ด กยท.ได้ตระหนักในเรื่องนี้ไว้นั่นเอง