นครศรีธรรมราช - เหยื่อสาวถูกฝูงสุนัขของอดีต ตร.รุมฟัดจนเป็นแผลเหวอะหวะ ล่าสุด ยังผวาไม่กล้าแจ้งความ ขณะที่ผู้เป็นพ่อเผยยอมฟาดเคราะห์ พร้อมทั้งยอมรับว่ากลัว “ผู้กว้างขวาง” ระบุไม่มีใครเคยเอาผิดได้
วันนี้ (12 ธ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 11 ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นบ้านที่ น.ส.สุธินี นันทวงศ์ เหยื่อฝูงสุนัข จำนวน 4 ตัว รุมฟัดจนร่างกายเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ ได้พักรักษาตัวกับครอบครัวของสามีของเธอ โดยสภาพบาดแผลบริเวณต้นขาทั้งสองข้างยังมีเลือด และน้ำเหลืองซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนที่บริเวณสะโพก และลำตัวอยู่ในสภาพเดียวกัน
น.ส.สุธินี เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่พี่สาวได้โทรศัพท์ให้ไปรับที่ข้างสำนักงานที่ดิน จึงขี่รถจักรยานยนต์เข้าไป โดยจุดที่เกิดเหตุนั้นเป็นทางเล็กๆ ข้างสำนักงานที่ดิน แต่ปรากฏว่า เมื่อเข้าไปถึงมีสุนัขขนาดใหญ่ 4 ตัว เข้ามารุมกัดอย่างรุนแรง ขณะนั้นมีเด็กชาย 1 คนและเด็กหญิง 1 คน ซึ่งน่าจะเป็นครอบครัวเจ้าของสุนัข เธอได้พยายามร้องให้เด็กผู้หญิงคนนั้นได้พยายามเรียกสุนัข และนำขนมล่อสุนัข จนสุนัขผละออกไป จากนั้นเธอจึงพยายามขอร้องให้นำตัวส่งโรงพยาบาล
เธอบอกด้วยว่า ขณะเกิดเหตุนั้นพยายามที่จะลุกขึ้นยืน ไม่เช่นนั้นหากนอนอยู่กับที่สุนัขอาจกัดคอ หรือฟัดถึงแก่ชีวิตได้แน่นอน โดยพยายามป้องกันส่วนท้อง และลำตัว เนื่องจากหากเธอถูกกัดอย่างรุนแรงบริเวณท้องอาจส่งผลรุนแรงได้ เนื่องจากเธอตัวเล็ก และผอมบาง
นายพิชัย หนูแปลก ซึ่งเป็นพ่อตาของ น.ส.สุธินี บอกว่า เสียใจที่เจ้าของสุนัขไม่ได้ดูแลคนเจ็บเลย มาเยี่ยมมาเยียนหน่อยเพื่อเป็นกำลังใจให้เขา เจ้าของนั้นชาวบ้านแถวนั้นรู้จักกันดีในชื่อ “จ่าชิด” และทราบเพียงว่า เป็นนายตำรวจนอกราชการ ส่งลูกเขยมาดูที่โรงพยาบาล และเมื่อมาดูบาดแผลบอกเพียงว่า โดนแค่นี้ถือว่าน้อยไป คนอื่นโดนมากกว่านี้แล้วกลับไปเลย ส่วนคนอื่นๆ ที่มาดูบอกว่า สุนัขเหล่านี้กัดคนมาแล้วหลายคน แต่เจ้าของไม่เคยชดใช้ค่าเสียหายให้ใคร หรือมาดูแลใคร อ้างว่าเป็นที่ดินส่วนตัว คนเข้ามาแล้วถูกหมากัดเอง และไม่มีใครเคยเอาเรื่องใดๆ ได้
นายพิชัย บอกด้วยว่า น.ส.สุธินี พร้อมด้วยตนเอง รวมทั้งคุณพ่อของสุธินี ได้ไปที่โรงพัก แต่ยังไม่ได้แจ้งความ แค่ไปหาร้อยเวร ร้อยเวรบอกว่า จะเรียกมาพูดคุยตกลงกันก่อน และเมื่อมีการมาพูดคุย เขาส่งลูกเขยคนเดิมมาคุยแล้วบอกว่า จะต้องไปถามพ่อ พร้อมจะโทรศัพท์มาบอก หลังจากที่เงียบหายไปจึงโทร.ไปสอบถาม ปรากฏว่า ลูกเขยเขาบอกเพียงว่า “พ่อบอกว่าจะไม่ชดใช้ใดๆ หากจะทำเรื่องก็ให้ทำไปเลย”
“เข้าใจว่าจะอ้างว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินของเขา ซอยของเขา แต่เด็กมันหลงเข้าไปนึกว่าจะเป็นทางลัด มาเกิดเหตุขึ้นเด็กมันไม่ได้เป็นโจร และยิ่งเมื่อผมสอบถามเพื่อนฝูงในย่านนั้น ต่างบอกว่า เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง อาการสาหัสก็มี ไม่มีใครกล้าเอาเรื่องเอาราว ผมเป็นพ่อตา และได้คุยกับพ่อของสุธินี แล้ว ยอมรับว่าไม่กล้าแจ้งความอีกแล้ว และไม่อยากไปมีเรื่องราวกับเขา เด็กมันยังต้องทำงาน และผมต้องทำงานไปมาหลายที่ ผมไม่อยากมีเรื่อง เรื่องนี้ถือว่าฟาดเคราะห์ต้องทำใจ ผมย้อนกลับไปดูที่เกิดเหตุก็พบว่า มีการเปลี่ยนป้ายให้ใหญ่ขึ้น เตือนถึงสุนัขดุแล้ว” นายพิชัย กล่าว
ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบในจุดดังกล่าว พบว่า อยู่ติดกับรั้วของสำนักงานที่ดินอำเภอปากพนัง มีประตูเหล็กสองข้างแต่ไม่ได้ปิดไว้ พร้อมทั้งมีป้ายเตือนสุนัขดุขนาดใหญ่ และไม่พบว่ามีใครผ่านเข้าออกจึงต้องถอยออกมา เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากสุนัข