ศูนย์ข่าวภาคใต้ - เปิดเหตุผลที่ “กลุ่มค้านโรงฟ้าถ่านหินเทพา” จาก จ.สงขลา ต้องยกทัพไปทำเนียบรัฐบาล เผย 3 ข้อเสนอ “เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” จากทั่วประเทศที่ยื่นให้ “บิ๊กตู่” ไปแล้ว ชี้หากไม่ได้รับการตอบสนองต้องมีชุมนุมยาวแน่
วันนี้ (6 ธ.ค.) นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวบอกเล่าถึงเหตุผลที่มีชาวบ้านในเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน รวมถึงกลุ่มชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา อ.เทพา จ.สงขลา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวนหลายสิบคน ที่ได้เดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มชาวบ้านจากทั่วประเทศในนามเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (6 ธ.ค.) ว่า
นพ.สุภัทรตั้งหัวเรื่องที่โพสต์ไว้ว่า “ทำไมเราต้องค้าน พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ บทเรียนจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา” โดยมีรายละเอียดดังนี้ โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาต้องมีท่าเรือขนถ่ายถ่านหินที่ยื่นไปในทะเล 3 กิโลเมตร เพื่อรับถ่านหินจากเรือขนมาเผาในโรงงาน แท้จริงโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเรือคือ โครงการเดียวกัน แยกกันไม่ได้
“แต่การศึกษา EHIA นั้นแยกศึกษาเป็นสองโครงการ แยกศึกษายังพอรับถูไถ แต่พอ EHIA โรงไฟฟ้าถ่านหินผ่าน คชก.อย่างไม่โปร่งใสไปก่อน โดยที่ EHIA ท่าเรือยังติดต้องแก้ไขอีกมาก ทาง กฟผ.และ สผ.กลับจะส่งเฉพาะ EHIA โรงไฟฟ้าถ่านหินไปพิจารณาในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอนุมัติ โดยไม่รอ EHIA ท่าเรือขนถ่านหิน”
จากการกระทำดังกล่าว นพ.สุภัทรชี้ว่า เป็นการลักไก่แยกส่วนแบบนี้ไม่เป็นธรรมกับชุมชน พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ไม่ได้อุดช่องโหว่เหล่านี้เลย มีแต่จะเข้าข้างทุนให้สะดวกง่ายขึ้น จึงสมควรที่จะคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฉบับใหม่นี้
ทั้งนี้ การที่มีหลายเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้เดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมกับประชาชนจากทั่วประเทศในนามเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั้งยืนนั้น ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีการทำกิจกรรมแสดงความไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฉบับ คสช.มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้มีการอ่านแถลงการณ์และเปิดเวทีพูดคุยถึงความเดือดร้อนที่แต่ละกลุ่มประชาชนจากทั่วประเทศได้รับ
นอกจากนี้แล้วยังได้มีการยื่นหนังสือข้อเสนอของภาคประชาชนต่อร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ยื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ด้วย โดยเป็นการยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำหรับข้อเสนอของเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่เกิดจากการรวมตัวของเครือข่ายประชาชนจากทั่วประเทศนั้น สามารถสรุปความได้ดังนี้ 1. ขอให้ตั้งคณะทำงานยกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อยกร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นใหม่ 2. ให้คณะทำงานยกร่างกฎหมายฯ ประกอบด้วย ภาคประชาชนและภาครัฐในสัดส่วนที่เท่ากัน และ 3. หลักการอื่นใดให้เป็นข้อตกลงกันทั้งสองฝ่ายจนเป็นที่ยอมรับกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลานี้กลุ่มชาวบ้านจากทั่วประเทศในนามเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั้งยืน ยังคงปักหลักรออยู่ที่บริเวณด้านหน้าสำหรับงาน กพร. ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอการยืนยันคำตอบของรัฐบาลว่าจะยุติร่างกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนอย่างไร และหากยังไม่มีคำตอบในวันนี้ก็จะมีการชุมนุมกันต่อเนื่องต่อไป
