xs
xsm
sm
md
lg

เอ็นไอเอ ร่วมภาคเอกชน เร่งผลักดัน 10 สตาร์ทอัพหน้าใหม่สายฟู้ดเทค สร้างนวัตกรรม “ฟิวเจอร์ฟู้ด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เบทาโกร จำกัด และบริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จํากัด จัดงาน SPACE-F batch 2 Incubator Demo Day เสนอผลงานสตาร์ทอัพที่ผ่านการบ่มเพาะในรุ่นที่ 2 ภายใต้โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SPACE-F สตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีม ผลักดันให้ได้มีโอกาสร่วมทำงานกับธุรกิจรายใหญ่ และได้รับการลงทุนในอนาคต

สำหรับ 10 ผลงาน ประกอบด้วย GPJ Biotechnology: อาหารเสริมกลูโคซามีนช่วยลดภาวะสึกหรอของข้อ และกระดูกอ่อน HydroZitla:เครื่องดื่มสกัดเข้มข้นจากน้ำหยวกกล้วยและสมุนไพรป้องกันโรคนิ่วในไต Nam Jai Sparkling Water: เครื่องดื่มโซดาผลิตจากน้ำผลไม้จริง 100% รายแรกในไทย ให้พลังงานเพียง 20 แคลอรี่ Omylk: นมพาสเจอร์ไรส์จากข้าวโอ๊ต ปราศจากแลคโตส Rethink Bio: ผลิตภัณฑ์เสริมคุณค่าทางอาหารสกัดจากสาหร่ายขนาดเล็ก คุณค่าทางโภชนาการสูง Saxo-Siam Protein: อาหารปลาและอาหารไก่ จากหนอนแมลงวันลายที่ได้จากการหมักเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร The Flying Thai Food: เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุผลไม้สด สามารถยืดได้นาน 45 วัน Trash Lucky: แพลตฟอร์มออนไลน์นำขยะมาแลกเป็นคะแนนลุ้นรับทอง และการผลิตถังรีไซเคิลอัจฉริยะ Viramino: ผงโปรตีนจากพืชเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย Yindii Yindii: แอปพลิเคชันแมทช์ร้านอาหารกับผู้บริโภคเพื่อจับจองอาหารส่วนลดปัญหาอาหารเหลือทิ้ง

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “NIA ตั้งเป้าหมายในการสร้างสตาร์ทอัพด้านดีพเทค 100 ราย ให้ได้ภายใน 3 ปี โดยเน้นการสร้างประสิทธิภาพให้กับกระบวนการผลิตธุรกิจอาหารไทย รวมถึงผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการ การสร้างรูปแบบของอาหารแห่งอนาคต เพราะการพัฒนาอาหารแห่งอนาคตไม่ได้ครอบคลุมเพียงแค่กระบวนการผลิตใหม่ ๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ การพัฒนาวัตถุดิบ การบริหารจัดการ และระบบทางนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตผู้คนที่กำลังเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น

นายธีรพงศ์ จันศิริ
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Space-F เป็นโครงการที่มีสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านนวัตกรรมแบบเปิดของไทยยูเนี่ยน ที่จะเปิดโอกาสให้กับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ ความมั่นคงและยั่งยืนทางด้านอาหาร และตอบโจทย์แนวโน้มผู้บริโภคที่ขับเคลื่อนด้วยอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริโภค และการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์อาหาร ไทยยูเนี่ยนยังคงเดินหน้าสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ ภายใต้ความร่วมมือจากทั้งพันธมิตรผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ ได้แก่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยมหิดล และในปีที่ 2 ยังได้รับความร่วมมือจากไทยเบฟเวอเรจ เบทาโกร และดีลอยท์ พันธมิตรใหม่ของเราที่เล็งเห็นความสำคัญของโครงการและเข้าร่วมสนับสนุนในครั้งนี้

ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริย
าสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การที่มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ SPACE-F ร่วมกับกลุ่มพันธมิตร ถือเป็นเรื่องสำคัญในการร่วมกันสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านอาหาร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ความต้องการอาหารเฉพาะบุคคลเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการแพทย์ ผู้ป่วยที่แตกต่างกันในแต่ละวัย ในแต่ละโรค ต้องการอาหารทางการแพทย์ที่ต่างกันไปเพื่อช่วยทั้งในด้านการป้องกันและรักษาโรค ตลอดจนผู้ที่มีสุขภาพดีก็อาจต้องการอาหารที่แตกต่างกันเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของแต่ละคน ดังนั้น โครงการ SPACE-F ถือเป็นโครงการที่ดีเยี่ยมในการที่จะบ่มเพาะ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไปในทิศทางที่เหมาะสมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอาหารต่อไปในอนาคต

คุณต้องใจ ธนะชานันท์
คุณต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ปัญหาด้าน โลจิสติกส์ ราคาวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เกิดการตื่นตัวในการดูแลรักษาสุขภาพ และหันมาใส่ใจเรื่องสุขอนามัยของอาหารมากขึ้น ดังนั้นผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี และการนำนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ปัญหา ในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพอาหาร กระบวนการผลิต การเก็บรักษา และที่สำคัญคือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่สะอาด ปลอดภัย และพัฒนาการให้บริการใหม่ๆ รวมถึงการขนส่งที่มีประสิทธิภาพในการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ไทยเบฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็น 1 ในวัตถุประสงค์หลักของ PASSION 2025 เพื่อเสริมศักยภาพในการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ และสร้าง Value Chain หรือห่วงโซ่คุณค่าที่มีความยั่งยืน เพื่อผู้บริโภคและคู่ค้าทางธุรกิจได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างต่อเนื่อง”

 นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร กล่าวว่า “เครือเบทาโกรขอชื่นชมในความมุ่งมั่นตั้งใจและยินดีกับความสำเร็จของสตาร์ทอัพทุกท่านที่ได้ผ่านการบ่มเพาะจากโครงการ SPACE-F Batch 2 เครือเบทาโกรมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและพัฒนาสตาร์ทอัพด้านอาหารให้มีความพร้อมและประสบความสำเร็จทางธุรกิจ สำหรับโครงการนี้ ทุกทีมนำอนวัตกรรมด้านอาหารที่หลากหลาย น่าสนใจ และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับภาคธุรกิจในการปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ตลอดจนเป็นการช่วยให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการเข้าถึงอาหารที่ดีมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ เพื่อชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของทุกคน”

นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ
นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SPACE-F และได้มีโอกาสถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญให้กับสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการ เนื่องจากเราเชื่อว่าการที่พนักงานของดีลอยท์ได้ใช้ทักษะและความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยเหลือผู้คนเป็นการสร้างผลกระทบทางสังคมที่ยิ่งใหญ่และมีความหมาย ความร่วมมือในโครงการ SPACE-F จะช่วยผลักดันให้เกิดความคิดริเริ่มที่สามารถนำไปต่อยอดปฏิบัติ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบนิเวศอาหาร ตลอดจนกำหนดอนาคตที่ยั่งยืนให้กับวงการอาหารของประเทศไทยต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น