ความเหนื่อยหน่ายกับการกรอกแบบฟอร์มราชการเป็นจุดแจ้งเกิดของ SeamlessDocs ที่ระดมทุนได้เกือบ 20 ล้านดอลลาร์จากไอเดียปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแบบฟอร์มราชการนับร้อยเป็นระบบดิจิตอล
เช่นเดียวกับหนุ่มคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องการออกเดต แต่กลับหักมุมก่อตั้ง Relationship Hero บริการให้คำปรึกษารวดเร็วทันใจในทุกแง่มุมความสัมพันธ์ที่แค่ปีแรกฟันกำไรเหนาะๆ ไปแล้ว 1 ล้านดอลลาร์
สตาร์ทอัพสองแห่งนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ การใช้เทคโนโลยีหรือแนวทางใหม่มาแก้ไขและปรุงแต่งสิ่งเดิมๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ปัจจุบันมากขึ้น
เริ่มจาก Relationship Hero ที่มีเป้าหมายในการนำเสนอบริการให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่
ลีรอน ชาปิรา ผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพแห่งนี้เล่าว่า สมัยไฮสกูล ตัวเองเป็นเด็กเนิร์ดที่มองว่า การเดตเป็นเรื่องลึกลับเกินกำลังความสามารถในขณะนั้น และคิดว่า โตขึ้นคงได้คำตอบเอง เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาเรียนและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปก่อน แต่หลังเรียนจบ ชาปิราก็ยังไม่เห็นว่า การเดตจะลึกลับน้อยลงเลย
ตรงข้ามกับลีออร์ โกตส์แมน ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนที่เชี่ยวชาญถึงขั้นหาลำไพ่พิเศษด้วยการให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์แก่เพื่อนๆ ในวิทยาลัย แต่ไม่เอาไหนเรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทั้งคู่จึงช่วยเติมสิ่งที่อีกฝ่ายขาดซึ่งได้ผลดีเกินคาด เพราะโกตส์แมนเรียนรู้รหัสคอมพิวเตอร์แตกฉาน และชาปิราได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา สองเพื่อนซี้ยังนำจุดแข็งมารวมกันและก่อตั้ง Relationship Hero
สตาร์ทอัพแห่งนี้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์แบบรวดเร็วทันใจผ่านโทรศัพท์ อีเมล ข้อความตัวอักษร หรือเฟซบุ๊ก แมสเซนเจอร์ โดยมีเป้าหมายในการช่วยลูกค้าแก้ปัญหาตั้งแต่การโฆษณาตัวเองบนโปรไฟล์ในโลกโซเชียล การทำความรู้จัก ออกเดต คบหา จนกระทั่งถึงเลิกราหย่าร้าง
บริการของ Relationship Hero มีเป้าหมายในการมองปัญหาความสัมพันธ์ของลูกค้าด้วยสายตาคนนอกและอย่างเป็นกลาง เหมือนเวลารถเสียที่เราต้องพาไปเข้าอู่หรือไปหาหมอเมื่อไม่สบาย โดยมีบริการให้เลือกทั้งแบบสมัครสมาชิกหรือรับคำปรึกษาเป็นรายชั่วโมง ซึ่งจะมีค่าบริการแตกต่างกันไป
ชาปิราและโกตส์แมนรู้ว่า ความสำเร็จของบริษัทไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง โดยดูจากจำนวนลูกค้าที่มาขอคำปรึกษา และจากข้อเท็จจริงที่ว่า ความใส่ใจถือเป็นทรัพยากรมีค่า รวมทั้งการที่บริการในรูปแบบนี้ยังถือว่า ใหม่มากในสายตาลูกค้า
Relationship Hero ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วผ่านโปรแกรมของ Y Combinator ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะและผลักดันสตาร์ทอัพในซิลิคอนแวลลีย์ แม้สัปดาห์แรกบริษัทมีรายได้แค่ 200 ดอลลาร์ แต่นับจากนั้น Relationship Hero ก็เริ่มฝึกฝนโค้ชด้านความสัมพันธ์เพิ่ม ปัจจุบัน บริษัทให้คำปรึกษาลูกค้าวันละเกิน 100 คน และทำกำไรได้ 1 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาแค่ 12 เดือน
สำหรับ SeamlessDocs มาจากความอิดหนาระอาใจของโจนาธาน เอนดี สมัยที่ทำงานในบริษัทเอาต์ซอร์สที่ให้คำแนะนำด้านกฎหมาย เขาบอกว่า ไม่อยากเชื่อว่า คนมากมายยอมจ่ายเงินหลักพันดอลลาร์เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อกับหน่วยงานราชการของอเมริกา และในที่สุดเขาตัดสินใจว่า จะต้องทำให้แบบฟอร์มของทางการง่ายและมีประสิทธิภาพขึ้น
เอนดีสร้าง SeamlessDocs เวอร์ชันแรกโดยใช้โปรแกรมเอ็กเซล และนำภาพหน้าจอแบบฟอร์มมาตั้งค่าเป็นภาพพื้นหลังของสเปรดชีตแต่ละชุดเพื่อให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลในระบบดิจิตอล ซึ่งจะแสดงอยู่ทางด้านขวา หลังจากนำ SeamlessDocs เข้าโปรแกรมบ่มเพาะและผลักดันสตาร์ทอัพ เอนดีก็ทุ่มเทกับการทำให้แบบฟอร์มราชการกลายเป็นระบบออนไลน์ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เป้าหมายของเขาก็ขยับไปเป็นการทำให้การติดต่อกับหน่วยงานรัฐบาลเป็นประสบการณ์ที่เจริญใจ
ล่าสุด SeamlessDocs ระดมทุนได้เฉียด 20 ล้านดอลลาร์ และมีลูกค้าเป็นหน่วยงานรัฐบาลหลายร้อยแห่งใน 40 รัฐของอเมริกา ซึ่งให้บริการประชาชนรวม 50 ล้านคนโดยประมาณ
SeamlessDocs ต้องการประหยัดเวลาของทั้งลูกจ้างรัฐและประชาชน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับแบบฟอร์มราชการทั้งหมด ตั้งแต่การร้องเรียนเรื่องข้างบ้านส่งเสียงดังไปจนถึงการขอข้อมูลต่างๆ หรือการขออนุญาตเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เอนดีขยายมุมมองเริ่มแรกจากการทำให้แบบฟอร์มเข้าสู่ระบบออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้าถึงแบบฟอร์มเหล่านั้น มาเป็นเพิ่มฟีเจอร์ในแบบฟอร์ม เช่น ความสามารถในการเพิ่มไฟล์แนบ ส่งการชำระเงิน สร้างลายเซ็นเสมือน และตั้งค่าการแจ้งเตือนสถานะแบบฟอร์ม
สตาร์ทอัพแห่งนี้ยังช่วยรัฐบาลลดจำนวนคำถามที่ไม่จำเป็นในแบบฟอร์มลงด้วยการสร้าง “เงื่อนไข” เช่น ถ้าตอบ “ไม่” ในคำถามข้อหนึ่ง คำถามถัดไปที่เกี่ยวข้องกันอีก 20 ข้อจะหายไปจากแบบฟอร์ม
SeamlessDocs นำเสนอเครื่องมือในการจัดการแบบฟอร์มที่ช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลลดเวลาดำเนินการได้ประมาณ 1.8 ชั่วโมงต่อหนึ่งแบบฟอร์ม ส่วนประชาชนก็ประหยัดเวลาในการกรอกข้อมูลได้ 20-30 นาที
เอนดีปิดท้ายว่า รัฐบาลมักคิดว่า การปรับปรุงกระบวนการแบบฟอร์มให้ทันสมัยมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปและเสียเวลา เลยติดแหงกอยู่กับโปรแกรมเอาต์ลุคและเอ็กเซลของไมโครซอฟท์ เขายังบอกว่า บทเรียนสำคัญที่สุดที่ได้เรียนรู้คือ อย่าพยายามเป็นทุกสิ่งสำหรับทุกคน สำหรับ SeamlessDocs นั้น หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่เป็นที่หนึ่งของแบบฟอร์มทั้งหมด บริษัทก็หันมาทุ่มเทเต็มที่กับการพัฒนาแบบฟอร์มราชการที่ดีที่สุด