การทำผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากยางพาราเป็นความมุ่งหวังของรัฐบาล ทาง SME Development Bank จึงได้เข้าไปสนับสนุนเผยแพร่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากยางพาราได้มีโอกาสทางการตลาดที่กว้างขึ้น จากที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ “หมอนยางพารา” ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก กลายเป็นโอกาสของผู้ประกอบการชาวอีสานผุดไอเดียเพิ่มค่าน้ำยางพาราเข้มข้นสู่หมอนยางพารา แบรนด์ Buri Para (บุรี พารา) เจ้าแรกในภาคอีสาน
หมอนยางพาราของไทย เรื่องคุณภาพถือว่าไม่เป็นสองรองใคร การันตีจากยอดส่งออกไปยังประเทศจีนจำนวนมหาศาล และยังมีความต้องการอีกเป็นจำนวนมาก โอกาสนี้ทำให้ผู้ประกอบการไทย “คุณอรอนงค์ วัฒนวงศ์สันติ” ผู้บริหาร บริษัท บุรีพารา จำกัด สนใจลงทุนในธุรกิจดังกล่าว
เธอเริ่มจากไม่มีความรู้ด้านการผลิตหมอนยางพารามาก่อน อาศัยลองผิดลองถูก และขอคำปรึกษาจากอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในเรื่องการผลิตที่ได้มาตรฐานเพื่อลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด แต่กระนั้นในช่วงเริ่มต้นการผลิต เธอยังต้องทิ้งน้ำยางพาราไปหลายถังกว่าจะสามารถขึ้นรูปเป็นหมอนยางพาราที่มีความยืดหยุ่นสูง มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด
“เรามองเห็นตลาดจากประเทศจีนที่ผู้คนมีความต้องการหมอนยางพาราเป็นจำนวนมาก และเราในฐานะที่เป็นชาวบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกยางกันมาก จึงคิดลองนำน้ำยางมาแปรรูปเป็นหมอนยางพารา โดยได้รวมกลุ่มชาวบ้าน ทำให้จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่เราสามารถผลิตหมอนยางพาราเพื่อจำหน่ายทั้งในไทยและจีนได้เป็นผลสำเร็จ กลายเป็นผู้ประกอบการรายแรกและรายเดียวในภาคอีสานที่ผลิตหมอนยางพารา”
อาจจะสงสัยว่าแล้วเดิมชาวสวนยางในภาคอีสานได้นำน้ำยางพาราไปทำอะไรกัน คำตอบคือ ชาวสวนส่วนมากจะขายเป็นยางก้อนถ้วย และยางแผ่น ผลผลิตเหล่านี้ได้ราคาไม่สูงนัก โดยขายให้โรงงานแปรรูปยางพารา แต่สำหรับการผลิตหมอนยางพารานั้น จำเป็นต้องใช้น้ำยางเข้มข้นคุณภาพดี ซึ่งยังไม่มีชาวสวนยางในภาคอีสานผลิตกัน ทำให้ทาง “ Buri Para” ต้องซื้อน้ำยางเข้มข้นจากโรงงานในพื้นที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นโรงงานในภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งคงจะดีหากชาวสวนยางในภาคอีสานหันมาผลิตน้ำยางพาราข้นกันมากขึ้น
สำหรับคุณสมบัติของหมอนยางพาราที่ทั้งคนไทยและชาวจีนให้การตอบรับดี คือ หมอนยางพารามีความยืดหยุ่นสูง บรรเทาอาการปวดคอ เอว บ่า ไหล่ ไม่ยุบตัวง่าย ไร้ไรฝุ่น ลดภูมิแพ้ ลดการนอนกรนได้กว่า 60% มีอายุการใช้งาน 10 ปี (ห้ามตากแดด) ไม่มีกลิ่นยางพาราเพราะได้สกัดโปรตีนจากยางพาราออกแล้ว จากคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ตลาดหลักในการส่งออกของหมอนยางพารา Buri Para ยังเป็นประเทศจีน ขณะที่ในไทยผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น จึงกลายเป็นโอกาสเติบโตของผลิตภัณฑ์นี้ได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากการนำน้ำยางพารามาขึ้นรูปเป็นหมอนยางพาราเพื่อสุขภาพแล้ว ทางคุณอรอนงค์ยังใส่ไอเดียการออกแบบเข้าไปด้วย เป็น 'หมอนหนุนและกอดได้' ได้ในหนึ่งใบ เรียกว่าคุ้มค่า โดยออกแบบเป็นรูปสัตว์ ถูกใจลูกค้าทั้งกลุ่มเด็ก และผู้หญิง โดยมีทีมงานช่วยกันคิดรูปแบบประมาณ 3 เดือน จากนั้นก็จ้างผลิตปลอกหมอนที่ออกแบบให้ตัดเย็บและนำมาสวมเพื่อจำหน่าย
ปัจจุบันหมอนยางพารา Buri Para ยังเป็นผู้รับจ้างผลิต หรือ OEM ให้กับแบรนด์สินค้าอื่นด้วยประมาณ 3-4 แบรนด์ รวมถึงเปิดรับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมาหมอนยางพาราได้เข้าไปอยู่ในโรงแรมชั้นนำของภาคอีสาน ค่ายทหาร และโรงเรียนประจำหลายแห่ง อนาคตคุณอรอนงค์เตรียมทำที่นอนลูกระนาด โดยใช้เศษยางพาราเหลือใช้อัดจนแน่น มีคุณสมบัติไม่ต่างจากหมอน แถมยังเพิ่มคุณสมบัติในการนวดตัวเข้าไปอีกด้วย
คาดว่าต่อไปเราคงจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ทำจากน้ำยางพารามาเพิ่มมูลค่าอีกเป็นจำนวนมาก ตราบใดที่ผู้ประกอบการไม่หยุดพัฒนา และเห็นคุณค่าวัตถุดิบบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่เรียกว่า “ยางพารา”
ติดต่อ : บริษัท บุรีพารา จำกัด โทร. 08-1879-4370, 09-6997-5789 และ Facebook: @buripara2
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *