ท้องฟ้าครึ้มเมฆสีเทาลอยต่ำน่าจะเป็นสาเหตุให้ตลาดนัดประจำสัปดาห์ในวันนี้แตกต่างออกไป ผู้คนที่เคยรีบเร่งจับจ่ายใช้สอยคึกคักแน่นขนัดหอบหิ้วของใช้ทั้งที่จำเป็นและเพียงแค่เพื่อสนองความอยากพะรุงพะรังกลับเหลือแค่เพียงความโหวงเหวงเงียบเหงาไม่คุ้นชินตา ในขณะที่เจ้าของแผงขายสินค้าหลายร้านกำลังขะมักเขม้นเรียงวางสินค้าให้น่าดึงดูดใจมีเพียงแม่บ้านและชายหญิงวัยทำงานไม่กี่คนกำลังเลือกซื้อกับข้าวอาหารคาวหวานเพื่อใช้ต่อชีวิตให้ยืดยาว ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้คนต่อแถวรอคอยเหล่านั้น
ความสว่างลดหดหาย เสียงครางครืนดังบนฟ้า อุณหภูมิรอบตัวเริ่มลด เม็ดฝนหยดโปรยกระทบผ้าใบร้านค้า ผู้คนในแถวยังคงต่อแถวรอรับบริการแต่ขยับหลบเข้าร่มบังคล้ายหวาดกลัวชิงชังความเปียกปอนจากสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิต จากการสังเกตผ่านความพะรุงพะรังคงเป็นสาเหตุให้ร่มในถุงไม่ได้ถูกนำออกมาใช้งาน ไม่ต้องใช้ความพยายามก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าในมือพวกเขาเต็มหนักไปด้วยของจับจ่ายอยู่ในถุงพลาสติกสีสันมากหลายตั้งแต่โปร่งใสราวกระจกเห็นหมดทุกสิ่งเพื่อการเร้ากระตุ้นให้ผู้พบเห็นอื่นเกิดความต้องการอยาก ถุงโปร่งแสงหลากสีตั้งแต่ถุงขาวขุ่นธรรมดาจนกระทั่งถุงสีแดงสดใสแสบตาหรือหลากสี และถุงพลาสติกหนาดำเข้มเร้นปกปิดสิ่งของภายใน เพียงน้อยนิดผ่านตาเท่านั้นที่ใช้ถุงผ้าหรือถุงรูปแบบอื่น ๆ ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่และไม่จำเป็นต้องเพื่อการใช้จับจ่ายในตลาดนัด
เวลาผ่านไป จำนวนผู้คนรอรับบริการลดลงแต่ยังไม่ถึงลำดับของผม แน่นอนว่าเรื่องต่าง ๆ ในสมองก็ผุดโผล่ขึ้นมาเรื่อยระหว่างการรอคอยเช่นนี้ ผมระลึกถึงวันวันหนึ่งที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี
“นั่นใช่ลิงแสมหรือเปล่า” ท่าทางชี้นิ้วมือใบ้บอกไปยังต้นไทรใหญ่ริมน้ำฝั่งตรงข้ามมาพร้อมกับคำถาม หางเรียวยาวห้อยชี้ลงพื้นพ้นจากกิ่งไม้นอกจากลำตัวสีน้ำตาลอ่อนและจุกขนแหลมตั้งกลางกระหม่อมของมันช่วยให้จำแนกชนิดได้ง่ายขึ้นมาก
“ใช่แล้วครับ” แกงเขียวหวานกำลังถูกตักราดลงในจานขนมจีนเป็นอาหารกลางวัน ที่นั่งถูกเลือกให้ง่ายต่อการมองไปยังต้นไทรใหญ่ต้นนั้น ผลสุกสีเหลืองส้มของมันโดดเด่นเห็นชัดในพื้นหลังใบไม้เขียวสด
“แหม่ เหมือนกันเลย นั่งกินลูกไทรสุกอยู่บนกิ่งเพลินสบายเชียว” ผมเอ่ยเมื่อเห็นท่าทางของลิงแสมนั่งกินผลลูกไทรสุกอยู่ในร่มใบไม้อย่างสบายใจ ท่าทางของลิงแสมตัวอื่นในฝูงไม่แตกต่างออกไปนัก สมาชิกตัวใหญ่หลายตัวในฝูงเก็บกินผลไทรสุกเข้าปาก บางกลุ่มไซร้ขนกำจัดเห็บหมัด บางตัวนั่งมองกิจกรรมของลิงตัวอื่น เว้นแต่พวกลิงตัวน้อยเท่านั้นที่แสดงอาการอยู่ไม่สุขออกมาอย่างเต็มที่โดยเหมือนจะไม่สนเรื่องอาหารการกินเอาเสียเลยซึ่งผมก็อดขำในอาการหัวหกก้นขวิดของพวกมันไม่ได้ เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ สมาชิกหลายตัววิ่งหลบเร้นเข้าร่มไม้ บางตัวกระโดดหลบไปยังต้นไม้ด้านหลัง หลายตัวหันมองมาทางกลุ่มคน เสียงพูดคุยที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่รับประทานอาหาร จากระดับเสียงที่เข้าหูผมเองก็คิดว่าไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่ในพื้นที่อนุรักษ์ ไม่แปลกใจเลยที่พฤติกรรมการดำรงชีวิตของลิงแสมฝูงนี้จะเปลี่ยนไป ผมแน่ใจว่าลิงแสมฝูงนี้ไม่ใช่สัตว์เพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับผลกระทบ
“นั่นเป็นถุงเก็บสำรองอาหารครับ” คำตอบสำหรับลักษณะบริเวณลำคอของลิงบางตัวที่โป่งพองใหญ่ออกมาจนสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน “ลิงแสมใช้เก็บสำรองอาหาร พวกมันจะเอาอาหารใส่เอาไว้ในถุงบริเวณคางก่อนตอนกินไม่ทันหรือต้องรีบเคลื่อนที่ไปไหน อย่างเช่นตอนนี้แล้วพอไปหยุดพักมันจะค่อยเอาออกมาเคี้ยวกินต่อน่ะครับ” ผมตอบข้อสงสัยลิงแสมฝูงนี้ก็หายลับเข้าผืนป่าด้านหลังเสียแล้ว
“แตกต่างกันกับตอนนี้จริง ๆ” ผมคิด แม้ไม่อาจจะเทียบกันได้แต่จำนวนถุงพลาสติกมากมายที่ผ่านตาแค่ในช่วงเช้าก็ไม่อาจห้ามให้ผมนำมาเปรียบเทียบกันได้ระหว่างถุงของสัตว์ป่าและสัตว์สองขากระดูกสันหลังตั้งฉากกับผืนโลก แต่ถ้าเราใช้วิธีเดียวกันคงสร้างความขำขันสนุกตาให้ผมได้ไม่น้อย
“หยิบใส่รวมกันมาเลยครับ ยังมีที่ว่างเหลืออีกเยอะ” ผมบอกกับเจ้าของแผงขายอาหาร แม้จะช่วยได้เพียงเล็กน้อยถ้าเทียบกับปริมาณขยะจากถุงพลาสติกทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ผมก็รู้สึกว่ามันสมควรที่จะลงมือทำ “ใส่แยกถุงไปเหอะเดี๋ยวถุงมันแตก” คือคำตอบกลับ
“ไม่ดีกว่าครับ ไอ้เจ้านี่เองก็ไม่ได้หนักแถมที่ว่างก็ยังเหลืออีกเยอะ ใส่รวมมาดีกว่า ลดขยะด้วยครับ” ผมยืนกราน เจ้าของแผงเองก็สนองความต้องการให้อย่างไม่เกี่ยงงอนยกเว้นเพียงแต่ถุงพลาสติกอีกใบก็ยังคงถูกหยิบดึงออกมาเพื่อใส่ถุงน้ำจิ้มของอาหารที่ผมเลือกซื้อ แม้จะเอ่ยย้ำปากทักท้วงว่าถุงใบเดียวนั้นสามารถใส่ได้ ถุงพลาสติกอีกใบก็ถูกยัดเยียดเข้าสู่มือพร้อมเหตุผลเดิม
ปริมาณขยะเกิดขึ้นเท่าไหร่ ขยะที่เกิดขึ้นจะถูกจัดการอย่างไร ผลกระทบด้านลบที่เกิดขึ้นกับโลกใบเดียวของเราเป็นไปถึงขั้นไหนแล้ว ในท้องทะเล บนบก ผืนป่าเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับผมคำตอบของคำถามนั้นชัดเจนและแนวทางในการลงมือทำนั้นชัดเจนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ที่เหลือก็คงเป็นความใส่ใจ่ใคร่ครวญว่าจะลงมือแก้ปัญหาหรือจะปิดบังตาตัวเองด้วยถุงขยะที่หอบหิ้วอยู่เท่านั้นกระมัง
ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมคิดนึกไปเรื่อยเปื่อยในวันที่ฝนพรำและผู้คนเบาบาง
เกี่ยวกับผู้เขียน
จองื้อที
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ "แบกเรื่องป่าใส่บ่ามาเล่า" ของ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน