เชื่อว่าคนรักต้นไม้ โดยเฉพาะผู้ที่หลงใหลในกล้วยไม้คงอดใจได้ยากที่จะไม่ซื้อหากล้วยไม้พันธุ์แปลกๆ หรือหาได้ยากมาครอบครอง แต่ถ้ากล้วยไม้นั้นต้องนำออกจากป่าและยังมีกฎระเบียบระหว่างประเทศควบคุม คุณยังหอบหิ้วกล้วยไม้เหล่านั้นกลับมาหรือไม่?
ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ มีโอกาสไปเยือนหมู่บ้านเล็กๆ ของประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อสำรวจการค้าระหว่างชายแดน โดยสินค้าในหมู่บ้านชายแดนนี้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากจีนและเวียดนาม และมีของป่ามาขายจำนวนหนึ่ง
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเราคือกล้วยไม้ป่าหลากหลายพันธุ์ บางพันธุ์แม่ค้าท้องถิ่นบอกเราว่าชื่อ “พันธุ์เขาพระวิหาร” ตามชื่อเรียกของลูกค้าจากฝั่งไทย และวางจำหน่ายในราคาต้นละ 20 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังลดแลกแจกแถมกรณีที่ซื้อกันเยอะๆ ด้วย
แรกทีเดียวทีมข่าวของเราเผยว่าอยากจะซื้อกลับมา แต่ใจหนึ่งก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่ากล้วยไม้เหล่านั้นถูกนำออกมาจากป่า หากนักท่องเที่ยวซื้อกลับมามากๆ จะเป็นการส่งเสริมการค้าของป่าหรือไม่? และเมื่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่ร่วมเดินทาง ถึงเรื่องดังกล่าว ได้คำตอบว่าการซื้อขายกล้วยไม้ข้ามชายแดนเป็นเรื่องต้องห้าม เนื่องจากไทยเป็นสมาชิกภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส)
หากแต่การค้าระหว่างชายแดนดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจตราเหมือนการค้าระหว่างชายแดนอื่นๆ ทำให้ที่ผ่านมาการหอบหิ้วกล้วยไม้ป่าข้ามชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าวเป็นเรื่องง่ายๆ
เราจึงอยากทราบความเห็นของผู้อ่านในแง่มุมวิทยาศาสตร์และการอนุรักษ์แล้ว ท่านคิดว่าการหอบหิ้วกล้วยไม้ป่าข้ามแดนจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง? และถ้ามีโอกาสท่านจะเป็นคนหนึ่งที่นำพันธุ์ไม้จากป่าเหล่านั้นกับมาเพาะเลี้ยงที่บ้านหรือไม่?
*หมายเหตุ
ในการเดินทางดังกล่าวไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อซื้อของป่าหรือสินค้าผิดกฎหมาย แต่เป็นการสำรวจบรรยากาศการค้าขายระหว่างชายแดนเท่านั้น
