"การสืบพันธุ์ได้" คือ คุณสมบัติข้อหนึ่งในนิยามของ "สิ่งมีชีวิต" ซึ่งมีหลายวิธี แตกต่างกันไปตามความต่างของชนิดพันธุ์ วิธีสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศที่พบได้ทั่วไปในสัตว์ส่วนใหญ่ คือการจับคู่ผสมพันธุ์ระหว่างเพศผู้และเพศเมีย ทว่า สัตว์บางชนิดมีพฤติกรรมการการเลือกคู่และผสมพันธุ์ที่แปลก พิสดาร หรือน่าสยดสยองก็มี
สัตว์บางชนิดที่เป็นกะเทย คือมีทั้งสองเพศในตัวเดียวกัน และผสมพันธุ์ข้ามตัว เช่น ทากทะเล (sea slug) เมื่อถึงคราวที่ต้องผสมพันธุ์ จะจับคู่กันมากกว่า 2 ตัว โดยสามารถจับคู่ผสมพันธุ์เรียงต่อกันไปเรื่อยๆ คล้ายสายโซ่ และอาจวนเข้าหากันจนเป็นวงกลมเลยก็ได้
หอยทากทะเล (slipper limpet) ก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่ สามารถจับคู่ต่อๆ กันจนเป็นสายโซ่ได้ในแนวตั้งซ้อนกันเป็นชั้นๆ โดยสามารถจับคู่ต่อกันได้ถึง 25 ตัว ซึ่งตัวที่อยู่ด้านล่างสุดมักเป็นหอยเพศเมียเสมอ และเมื่อตัวเมียที่อยู่ล่างสุดตายลง ตัวผู้ที่อยู่ถัดขึ้นมาจะเปลี่ยนเป็นเพศเมีย และตัวที่อยู่ถัดๆ ไป ก็จะเปลี่ยนเพศต่อๆ กันไป
ปลาการ์ตูนก็เปลี่ยนเพศได้เหมือนกัน เมื่อปลาการ์ตูนตัวเมียตายจากไปหรือขาดแคลนตัวเมียในฝูง ปลาการ์ตูนตัวผู้ก็จะเปลี่ยนเพศมาเป็นตัวเมียแทน เพื่อจับคู่ผสมพันธุ์กับตัวผู้และให้กำเนิดลูกปลารุ่นต่อๆ ไป รวมทั้งปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง และปลาพยาบาล ที่สามารถเปลี่ยนจากเพศเมียเป็นเพศผู้ได้ เมื่อขาดแคลนพ่อพันธุ์
แมงมุมได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีบทรักพิสดารหลากหลายรูปแบบตามแต่ละสายพันธุ์ โดยแมงมุมหลังคาแดง (redback spider) หลังจากตัวผู้ต่อสู้แย่งสิทธิ์ผสมพันธุ์กับแมงมุมสาว ก็จะใช้เวลาเกี้ยวพาราสีอีก 50 นาที จึงจะได้สมหวังในรัก แต่หากไม่มีตัวผู้อื่นมาเป็นคู่แข่งแย่งชิงตัวเมีย ก็ต้องเสียเวลาเกี้ยวแมงมุมตัวเมียนานหน่อยราว 4-5 ชั่วโมง
ส่วนแมงมุมกระโดด (jumping spider) ที่พร้อมผสมพันธุ์ จะแข่งกันทำตัวเรืองแสงคล้ายๆ กับการแต่งตัวเพื่อล่อคู่ผสมพันธุ์ โดยแมงมุมตัวผู้ จะเรืองแสงสีเขียวและขาวจากการสะท้อนรังสียูวี ส่วนตัวมีจะมีอวัยวะด้านหน้าที่ยื่นออกมาซึ่งเรืองแสงสีเขียวเช่นกัน หากไม่สามารถมองเห็นการเรืองภายใต้สเปคตรัมของแสงทั้งตัวผู้และตัวเมียจะเมินเฉยต่อกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคู่ผสมพันธุ์ต้องแสดงการเรืองแสงเพื่อพิสูจน์สุขภาพที่พร้อมจะผสมพันธุ์
การผสมพันธุ์ของแมงมุมนั้น ตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อจากอวัยวะที่ยื่นออกมาบริเวณปากเข้าอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศเมียที่เปิดออกอยู่บริเวณใต้ช่องท้องของเพศเมีย โดยที่แมงมุมใยกลม (orb-web spider) หรืออาร์กิโอเปบรูเอนนิชิ (Argiope bruennichi) ตัวผู้จะทิ้งความเป็นชายโดยฉีกปลายอวัยวะสืบพันธุ์ทิ้งไว้ในช่องสืบพันธุ์ของตัวเมีย เพื่อกันไม่ให้แมงมุมตัวผู้ตัวอื่น ฉีดน้ำเชื้อให้แก่ตัวเมียอีกได้
แมงมุมตัวเมียสปีชีส์ไฟโซคูลัสโกลบูซัส (Physoculus globusus) จะส่งเสียงกรีดร้อง ที่มีความถี่สูงเพื่อชักนำตัวผู้ระหว่างจับคู่ ซึ่งเสียงร้องนี้จะตอบสนองจังหวะการบีบรัดของอวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้ที่อยู่ในร่างตัวเมียระหว่างผสมพันธุ์ ซึ่งเสียงกรีดร้องของตัวเมียเป็นการส่งสัญญาณเตือนคู่ผสมพันธุ์หากมีการบีบรัดที่รุนแรงหรือยาวนานเกินไป ซึ่งตัวผู้ก็จะตอบสนองอย่างกระตือรือร้นเพื่อเพิ่มโอกาสที่น้ำเชื้อของตัวเองจะได้รับเลือกให้ผสม
ทั้งนี้ แมงมุมตัวเมียหลายสปีชีส์จะกินตัวผู้ด้วยความหิวโดยหลังจากเสร็จสิ้นการผสมพันธุ์ ซึ่งแมงมุมตัวผู้ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย จึงตกเป็นเหยื่ออันโอชะของคู่ผสมพันธุ์ได้ง่าย
ตั๊กแตนตำข้าว เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีฉากรักพิศวาสสุดโหดไม่แพ้กัน เพราะตั๊กแตนตำข้าวตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้มาก และมักดุร้ายในช่วงผสมพันธุ์ ในขณะที่ตัวผู้เกาะหลังตัวเมียเพื่อผสมพันธุ์ ตั๊กแตนตัวเมียอาจหันมางับหัวตัวผู้กินเอาดื้อๆ เลยก็ได้ แต่ในบางสายพันธุ์ตัวเมียอาจรอให้เสร็จกิจเรียบร้อยก่อนแล้วจึงเขมือบตัวผู้เป็นอาหาร แต่ถ้าตัวผู้ไหวตัวทันและโชคเข้าข้าง ก็มีสิทธิ์หนีรอดได้
พฤติกรรมก้าวร้าวและการทำร้ายตัวผู้หลังผสมพันธุ์ยังพบได้ในแมวเพศเมีย ทว่าไม่โหดร้ายและรุนแรงเท่าแมงมุมและตั๊กแตนตำข้าว ทั้งยังมีการอ้อนและเชื้อเชิญให้แมวตัวผู้เข้ามาผสมพันธุ์ใหม่อีกด้วย ดั้งนั้นใน 1 ชั่วโมง แมวอาจผสมพันธุ์กันได้ถึง 10 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาผสมพันธุ์เพียงไม่กี่นาที โดยในขณะผสมพันธุ์ แมวตัวผู้จะกัดที่บริเวณหนังคอแมวตัวเมียและขึ้นขี่ หลังผสมพันธุ์เสร็จ ตัวผู้ต้องรีบออกห่างตัวเมียก่อนที่จะโดนทำร้าย และแต่ละฝ่ายจะแยกกันพักผ่อนสักพักก่อนจะเริ่มผสมพันธุ์กันใหม่
สัตว์บางชนิดมีชีวิตรักแบบสามตัวผัวเมีย เช่น ห่านบางชนิดที่มีตัวผู้ 2 ตัวเป็นคู่หูชู้ชื่นกันอยู่ก่อน แต่เมื่อตัวใดตัวหนึ่งเกิดปิ๊งห่านสาวเข้าให้ ก็ยังไม่ยอมแยกจากกัน จนต้องตกล่องปล่องชิ้นอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยกันผสมพันธุ์ ช่วยกันฟักไข่และเลี้ยงลูกกันต่อไป โดยห่านมักผสมพันธุ์กันในน้ำ ซึ่งจะทำให้ได้ไข่มีเชื้อมากกว่า
นี่เป็นเพียงตัวอย่างบทรักของสัตว์โลกที่สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เพื่อนำดีเอ็นเอจากเพศผู้และเพศเมียมาสผมกันและขยายเผ่าพันธุ์ ซึ่งพบได้ทั่วไปในสิ่งมีชีวิตชั้นสูง และได้รับการพิสูจน์ผ่านเวลาอันยาวนานแล้วว่าวิธีนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อน ทำให้เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรม เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์