กรมอนามัย เผยผลศึกษาวัยรุ่นท้องซ้ำในเขตสุขภาพที่ 7 พบ 87.9% สมรสแล้วถึง 74.2% กว่าครึ่งไม่ไประกอบอาชีพ อายุน้อยสุด 16 ปี ไม่ได้คุมกำเนิด 59% เลือกกินยาคุม 51% แต่ไม่สม่ำเสมอถึง 53% ทำให้ตั้งครรภ์ซ้ำ แนะใช้สิทธิยาฝังคุมกำเนิดใต้ท้องแขนได้ฟรี ลตั้งครรภ์ได้จริง
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ศูนย์อนามัยที่ 7 จ.ขอนแก่น ได้ศึกษาการตั้งครรภ์ซ้ำในวัยรุ่นเขตสุขภาพที่ 7 ได้แก่ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 18.8 ปี อายุน้อยสุด 16 ปี อายุมากสุด 19 ปี มีสถานภาพสมรส 74.2% ระดับการศึกษาส่วนใหญ่เป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 45.5% กว่าครึ่งไม่ได้ประกอบอาชีพ บุคคลใกล้ชิดเคยตั้งครรภ์หรือมีบุตรขณะอายุน้อยกว่า 20 ปี คือ กลุ่มเพื่อน 50% ข้อมูลทางสูติกรรมเป็นครรภ์ที่ 2 ถึง 87.9% และมีประวัติไม่ได้คุมกำเนิด 59.1% แต่หากคุมกำเนิดจะใช้วิธีกินยาเม็ดคุมกำเนิด 51.3% และไม่มีความสม่ำเสมอในการใช้วิธีคุมกำเนิด 53.8% ทำให้มีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ซ้ำ จึงต้องมีวิธีการคุมกำเนิดที่ดี
นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวรที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถคุมกำเนิดได้ในระยะเวลา 3 ปี และ 5 ปี กลับสู่ภาวะเจริญพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วภายหลังการหยุดใช้ และไม่มีผลรบกวนต่อการมีเพศสัมพันธ์ กลไกการคุมกำเนิด คือ ฮอร์โมนที่ปล่อยออกมาจากแท่งยาฝังที่อยู่ใต้ผิวหนัง ท้องแขน มีผลทำให้ฟองไข่ไม่สามารถโตต่อไปจนตกไข่ได้ จึงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ยังทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ทำให้เชื้ออสุจิว่ายผ่านเข้าไปได้ยาก ช่วยลดโอกาสการผสมไข่ สตรีที่ใช้ยาฝังคุมกำเนิดจะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยกว่า 1 ใน 2,000 จึงเป็นการช่วยลดการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม หรือการตั้งครรภ์ซ้ำได้
"กรมอนามัยได้ร่วมกับ สปสช.จัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น บรรจุเป็นแผนงานระดับประเทศ เพื่อให้วัยรุ่นเข้าถึงบริการคุมกำเนิดชนิดกึ่งถาวร โดย สปสช.สนับสนุนการให้บริการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวรแก่คนไทย เพศหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ทุกสิทธิที่อยู่ในภาวะหลังคลอด แท้ง หรือต้องการคุมกำเนิด โดยขอรับบริการคุมกำเนิดแบบห่วงอนามัย และยาฝังคุมกำเนิดได้ที่สถานบริการสาธารณสุขในเครือข่าย สปสช.ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และตั้งครรภ์ซ้ำในกลุ่มวัยรุ่นหลังคลอด หรือแท้ง หรือต้องการคุมกำเนิด" นพ.สุวรรณชัยกล่าว