โฆษก ศบค. เผย สธ.เร่งตามตัวชาวต่างชาติ 100 คน ตรวจโควิดด้วยวิธี RT-PCR หลังจากที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง“โอมิครอน” เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการ สธ. เขตสุขภาพที่ 10 และ โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าร่วมพิธีรับรางวัลเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” ให้แก่ข้าราชการ สธ. เพื่อเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสัปดาห์รณรงค์ สู่เป้าหมาย 100 ล้านโดส ในวันที่ 5 ธ.ค. 64 ถือว่าค่อนข้างเข้าใกล้เป้าหมาย ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ได้มีการวิเคราะห์ถึงปัจจัยหรืออุปสรรคที่ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงวัคซีน โดยพบว่า ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) เกือบทั้งภาค มีตัวเลขการฉีดวัคซีนในภาพรวม เพียงร้อยละ 50 หรือ เดินไปจะพบ 1 คน ฉีดวัคซีน และ อีก 1 คน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ซึ่งที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) หารือกันถึงเรื่องนี้ และเร่งให้จัดทำแผนอุดช่องว่าง โดยพบว่า ปัจจัยที่ทำให้คนเข้าไม่ถึงวัคซีน มี 3 ประการ คือ 1. ความเชื่อและความกังวลถึงผลข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ฉีดแล้วป่วย มีไข้ รวมทั้งบางรายเสียชีวิต เรื่องนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ได้เร่งจัดเตรียมชุดข้อมูลที่มีการพิสูจน์ทราบถึงผลจากการฉีดวัคซีน ให้ประชาชนรับรู้ให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปหลายพันล้านโดส และข้อดีของการฉีดมีมากกว่า อีกทั้งวัคซีนที่ภาครัฐจัดหาให้ หากมีผลกระทบก็จะมีกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พิจารณาเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น"
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า 2. เรื่องความห่างไกล เรื่องนี้ สธ.ได้จัดทีมเข้าไปฉีดถึงบ้าน โดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เดินเข้าหาทุกพื้นที่ แม้เดินไปทั้งวันได้ 1 คน 2 คน ก็ยังทำกันอยู่ 3.การเลือกชนิดวัคซีน ที่ผ่านมา อาจมีข้อติดขัด แต่ขณะนี้วัคซีนมีความหลากหลาย สามารถเลือกได้ เราจัดไว้คล้ายเมนูอาหาร สามารถเลือกได้ว่าจะฉีดวัคซีนสูตรไหน ทั้งนี้ ก็เชื่อว่าการจัดเตรียมการต่างๆ เหล่านี้จะทำให้การเข้าถึงวัคซีนได้ดีขึ้น
“ที่ประชุมอีโอซี ยังได้รายงานกรณีโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ว่า เสนอ ศบค.ให้กลับมาใช้การตรวจแบบ RT-PCR ในผู้เดินทางเข้าประเทศแล้วอีกระยะ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในประเทศ และในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ จะติดตามคนต่างชาติที่มาจากพื้นที่ที่ความเสี่ยงสูงจากสายพันธุ์โอไมครอน ที่เข้ามาในประเทศไทยก่อนหน้านี้ จำนวน 100 กว่าคน ให้มาตรวจด้วยวิธี RT-PCR อีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนในประเทศ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
