xs
xsm
sm
md
lg

สัปดาห์แรกจ่ายยา "ร้านยา" ยังไม่คืบ คาดทยอยรับจริง พ.ย.นี้ สปสช.เร่งเชื่อมระบบข้อมูล

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สปสช.เผยสัปดาห์แรกรับยาที่ "ร้านยา" ยังไม่คืบ เหตุอยู่ในช่วงเริ่มต้นรับสมัครผู้ป่วย คาดเริ่มทยอยไปรับยา พ.ย.นี้ เผยใน ม.ค. 63 จะมีรพ.เข้าร่วมอีก 16 แห่ง ผู้ป่วยจะเข้าร่วมมากขึ้น เผยเริ่มเซตระบบเชื่อมโยงข้อมูล รพ.-ร้านยาแล้ว ย้ำอาการคงที่ถึงเข้าร่วมได้ จะมีเกณฑ์กลาง แต่อยู่ที่การวินิจฉัยของแพทย์ด้วย เสนอ กทม.เพิ่ม รพ.เข้าร่วมโครงการ ชงสิทธิอื่นเข้าร่วม

วันนี้ (10 ต.ค.) นพ.จักรกฤช โง้วศิริ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการเดินหน้านโยบายรับยาที่ร้านขายยาใกล้บ้าน ลดแออัดโรงพยาบาล หลังจากเริ่มระบบเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเข้าร่วม 35 แห่ง ร้านขายยา 300 ร้าน ซึ่งช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมายอมรับว่ายังมีจำนวนน้อยอยู่ แต่คาดว่าในช่วง 2 เดือนนี้หรือประมาณ ธ.ค.นี้ ร้านขายยาและคนรับบริการน่าจะเข้าร่วมเยอะขึ้น เนื่องจากช่วงเริ่มต้นนี้จะเป็นการให้ผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการ แต่ยังไม่ได้ให้ไปรับที่ร้านขายยาเลย แต่อาจจ่ายยาให้ไปก่อน 1 เดือน แล้วครั้งถัดไปค่อยไปรับที่ร้านขายยา คาดว่าประมาณ พ.ย.อาจเริ่มมีคนเข้าไปรับบริการเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ คาดว่าภายในสิ้น ต.ค.นี้น่าจะเรียบร้อย และเมื่อดำเนินการจนประชาชนมีความมั่นใจ ทั้งเรื่องราคายา คุณภาพยาแล้ว ก็อาจจะนำไปสู่การปรับรูปแบบเป้นการนำใบสั่งยาไปรับยาที่ร้านยาได้เลย ซึ่งหลายโรงพยาบาลก้มีแนวคิดที่จะทำในรูปแบบนี้ แต่ก็ต้องมีการมาหารือกันก่อน

นพ.จักรกริช กล่าวว่า สำหรับเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างโรงพยาบาลและร้านขายยา ซึ่งต่างมีระบบเก็บข้อมูลของตัวเอง สปสช.ก็เป็นตัวกลางในการเซตระบบเชื่อมข้อมูลให้แก่ทุกโรงพยาบาลและร้านยาที่เข้าร่วม ซึ่งหลักๆ จะมีเรื่องของชื่อผู้ป่วย ชื่อโรค ชื่อยา การวินิจฉัยอาการที่สำคัญที่ต้องมีการสื่อสาร เช่น ผลเลือด น้ำหนัก ความดัน เป็นอาการบ่งบอกของคนไข้ว่ามีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็ต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้ป่วยว่าจะนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยอย่างไร เกิดประโยชน์อย่างไร และผู้ป่วยต้องสมัครใจที่จะให้มีการเปิดเผยข้อมูลให้คนทำหน้าที่ให้บริการแก่ผู้ป่วย แต่ในอนาคตคงต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยี โดยทำข้อมูลมาตรฐานกลางที่อาจจะบรรจุข้อมูลของผู้ป่วยลงในโทรศัพท์มือถือ ที่สิทธิการอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลจะอยู่ที่ผู้ป่วย ก็จะลดปัญหาเรื่องการรักษาความลับได้ หรืออาจจะต้องทำเป็นมาตรฐานกลางว่า หากจะมีผู้ขายแอปพลิเคชันในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างโรงพยาบาลและร้านขายยา จะต้องทำฐานข้อมูลอย่างไร เก็บรักษาความลับอย่างไร

นพ.จักรกริช กล่าวว่า ส่วนเรื่องการวินิจฉัยให้ผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการ ใน 4 กลุ่มโรคนั้น ก็มีแนวเวชปฏิบัติอยู่แล้วว่า อาการคงที่ของแต่ละโรคเป็นอย่างไร เช่น โรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือด 3-4 เดือนอยู่ในเกณฑ์ปกติ กินยาและควบคุมได้ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ โดยระดับน้ำตาลไม่เกิน 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือความดันโลหิตสูงก็ต้องคุมได้ให้อยู่ในช่วง 120/80 มิลลิเมตรปรอท แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ด้วย เกณฑ์เป็นแค่แนวทาง เพราะในเชิงปฏิบัติอาจมีเกณฑ์เล็กน้อย ต้องให้สิทธิแพทย์ตรวจว่าผู้ป่วยพร้อมหรือไม่ แต่ทั้งหมดคนไข้ต้องกลับมาดูแลโดยแพทย์เป็นครั้งคราว และระหว่างที่รับยาจากร้านยา เช่น จ่าย 3 เดือน คนไข้หากมีอาการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ต้องมาที่ รพ. สามารถขอคำแนะนำที่ร้านขายยาได้ เภสัชกรก็จะช่วยประเมินว่าอาการที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ดีขึ้นหรือแย่ลง และอยู่ในระดับที่ต้องส่งกลับมาที่ รพ.หรือไม่ ดีกว่าปล่อยให้ครบกำหนดนัดแล้วมาหาแพทย์อีกที ซึ่งบางครั้งอาจอาการทรุดนักแล้ว ดังนั้น ช่วงนี้จึงอยากให้ โรงพยาบาลและร้านยาต้องหารือและเซตแนวทางดำเนินการ อย่างไหนดูแลได้ อย่างไหนส่งกลับ และช่วงแรกนี้ต้องทำเคสคอนเฟอเรนซ์ โดยเดือนหนึ่งเอาอาการคนไข้มาหารือกัน เพื่อออกแบบการดูแลให้มีคุณภาพมาตฐาน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีการรายงานผลการดำเนินงานของการรับยาที่ร้านขายยา ว่า ขณะนี้มีรพ.เข้าร่วมแล้ว 35 แห่ง โดยภายใน พ.ย. 2562 - ม.ค. 2563 จะมี รพ.เข้าร่วมอีกประมาณ 16 แห่ง เช่น รพ.พระนั่งเกล้า รพ.ศรีธัญญา  รพ.กาฬสินธุ์ รพ.กาญจนประดิษฐ์ รพ.นาสาร ใน พ.ย.นี้  รพ.ชัยภูมิ รพ.บุรีรัมย์ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ รพ.ศรีสะเกษ รพ.มุกดาหาร รพ.ยโสธร รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ใน ธ.ค. 2562 และ รพ.อ่างทอง รพ.นครปฐม รพ.เจ้าพระยายมราช และ รพ.สมุทรสาคร ใน ม.ค. 2563 นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามเข้ามาว่า ผู้ป่วยสิทธิอื่นนอกจากบัตรทองสามารถเข้าร่วมได้ด้วยหรือไม่ ซึ่งมีการเสนอให้ทางกรมบัญชีกลางและสำนักงานประกันสังคมนำไปพิจารณาหารือ โดยที่ประชุมยังมีการเสนอให้เพิ่ม รพ.ในพื้นที่ กทม. ซึ่งมีเพียง 3 แห่ง อาจไม่เพียงพอต่อ เพราะเป็นเมืองใหญ่ ประชากรมีจำนวนมหาศาล


กำลังโหลดความคิดเห็น