องคมนตรี ชี้การสร้างคนให้มีคุณธรรมเป็นเรื่องใหญ่ แนะต้องปลูกฝังตั้งแต่บ้าน โรงเรียน เหมือนกับชิพ ติดตัวไปใช้ได้ทุกที่
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 10 โดยมีผู้แทนหน่วยงานจาก 6 องค์กรเครือข่ายภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม ชุมชน ครอบครัวเด็กและเยาวชน เครือข่ายการศึกษา เครือข่ายศาสนา และสื่อมวลชน รวม 132 หน่วยงานร่วมกิจกรรมภายใต้แนวคิด "1 ทศวรรษ สร้างสังคมคุณธรรม วินัยคน สะท้อนวินัยชาติ" เพื่อเป็นเวทีกลางสร้างความตระหนักขับเคลื่อนคุณธรรม พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณบุคคลที่มีพฤติกรรมด้านคุณธรรมควรค่าแก่การยกย่องประจำปี 2562 พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และนำสมาชิกองค์กรภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมแสดงพลังขับเคลื่อนการดำเนินงานสร้างสังคมคุณธรรม
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องการขับเคลื่อนคุณธรรมสู่ชุมชน ว่า การที่ที่ประชุมสมัชชาคุณธรรมหยิบยกประเด็นวินัยเป็นเรื่องหลักของการพัฒนาคนในชาตินั้น สะท้อนว่า คนไทยเรากำลังขาดวินัย คำว่าวินัย เปรียบเสมือนกฎเกณฑ์ที่ใช้ในสังคม ถือเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่คุณธรรมด้านอื่นๆ ที่นำไปใช้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และประเทศชาติ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ ทรงมีพระราชดำรัสกับคณะองคมนตรี ว่า พระองค์อยากเห็นคนไทยมีวินัย สามัคคี เสียสละ มีจิตอาสา โดยเฉพาะเรื่อง จิตอาสาเป็นสังคมแห่งความเอื้ออาทร จึงเกิดเป็นโครงการจิตอาสาพระราชทานขึ้นมา ซึ่งการจะดำเนินการให้ประสบผลสำเร็จต้องเริ่มจากตนเองก่อนที่จะขยายผลไปสู่ภายนอก เช่นเดียวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงห่วงใยเกี่ยวกับการสร้างคนดีในสังคมให้มีคุณธรรมจริยธรรม และมีรับสั่งให้องคมนตรีไปจัดกิจกรรมสร้างคนโดยเริ่มจากโรงเรียน จึงเกิดเป็นโรงเรียนคุณธรรมขึ้นทั่วประเทศ จำนวน 154 แห่ง การมีโรงเรียนคุณธรรม แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาคุณธรรมให้ประสบผลสำเร็จต้องเริ่มจากโรงเรียน คำถามที่ตามมาคือ แล้ว กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีหลักสูตรสร้างคนดีมีคุณธรรมได้จริงหรือไม่ เด็กนำคุณธรรมที่ได้จากรั้วโรงเรียนติดตัวออกไปใช้กับที่บ้าน และชุมชนหรือไม่ หากติดตัวไปถือว่าประสบความสำเร็จ
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า การสร้างคนให้มีคุณธรรมถือเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นนามธรรม ดังนั้น การที่ศูนย์คุณธรรมฯ และภาคส่วนต่างๆ ร่วมกันขับเคลื่อนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งนี้จะประสบผลสำเร็จได้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รัฐบาลให้ความสนใจแค่ไหน ถ้าเพียงศูนย์คุณธรรมฯ อาจจะเล็กเกินไปที่จะทำงานสำเร็จและนำไปสู่การปฏิบัติของคน 70 ล้านคนทั่วประเทศได้
“เชื่อว่าแต่ละหน่วยงานต่างทราบปัญหาเชิงคุณธรรมของบ้านเมืองแล้ว อาจไม่ต้องจัดสัมมนากันก็ได้ เพียงแค่มีวิธีแก้ปัญหาให้ถูกจุด เช่น อยากให้คนมีวินัย ต้องเริ่มจากการฝึกฝนที่โรงเรียน ที่บ้าน เหมือนกับชิพ หรือสันดานของคนที่ติดตัวไปใช้ได้ทุกที่ เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ ไม่ใช่เชิงปริมาณ ว่า แต่ละหน่วยงานทำมากทำน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม องค์กรคุณธรรมก็ถือว่า มีความจำเป็นต่อประเทศ อยากให้มีการบูรณาการกันทำความดี และขอให้กำลังใจกับทุกภาคส่วน แม้ยากแค่ไหนต้องอดทนทำ อาจจะช้า มีปัญหาบ้างแต่ประเทศเราขาดคนดีไม่ได้" องคมนตรี กล่าวทิ้งท้าย
