เล็งตั้งกองทุนดูแลงบวิจัยของประเทศ

"หมออุดม" เผยกระทรวงการอุดม มีคน 1 แสนคน งบ 1 แสนกว่าล้านบาท เฉพาะงบวิจัย 1.7 หมื่นล้านบาท เล็งตั้งกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดูแลจัดสรรงบวิจัยภาพรวมของประเทศ

วันนี้ (21 เม.ย.) ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ บรรยายพิเศษเรื่อง "โครงสร้างและภารกิจใหม่ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม" ในการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) โดยมี ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะประธาน ทปอ. และอธิการบดีเข้าร่วม ตอนหนึ่งว่า คาดว่าเร็วๆ นี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกระทรงวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม น่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเมื่อประกาศแล้วจะมีผลบังคับใช้ทันที

ขณะนี้จะต้องเร่งจัดทำโครงสร้างกระทรรวงการอุดมศึกษาฯ รองรับ ซึ่งได้เตรียมการไว้ทุกอย่างแล้วเพื่อให้กระทรวงใหม่พร้อมกับการทำงาน การจัดตั้งกระทรวงใหม่นี้ใช้เวลา 2 ปีถือว่าเร็วมาก โดยกระทรวงใหม่ออกแบบให้เป็นกระทรวงขนาดเล็ก มีบุคลากรประมาณ 1 แสนคน มีงบประมาณ 1 แสนกว่าล้านบาท. งบประมาณใช้เพื่อการวิจัย 1.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1% ของผลิตมวลรวมของประเทศ หรือ GDP โดยตั้งเป้าหมายจะขอให้เป็น 1.5% ของGDP ในปี 2563-2564 และหลังจากปี 2564 อยากได้ 2% ของ GDP อย่างไรก็ตาม งบประมาณวิจัยของประเทศถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับงบประมาณของต่างประเทศที่ได้ถึง 5-6%

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนโครงสร้างกระทรวงใหม่นั้น จะมีทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานในกำกับของรัฐ และองค์การมหาชน โดยมีเป้าหมายให้ สำนักงานปลัด เป็นหน่วยงานราชการเพียงหน่วยงานเดียว ส่วนหน่วยงานอื่น ๆ มีแผนในการปรับสถานะ เช่น มหาวิทยาลัยที่เป็นส่วนราชการจะพยายามผลักดันให้เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือ ออกนอกระบบ ซึ่งล่าสุดตนได้หารือกับมหาวิทยาลัยเดิม 9 แห่งเพื่อวางแผนเตรียมการออกนอกระบบ เพราะรัฐบาลนี้มีนโยบายให้ออกนอกระบบ แต่การออกนอกระบบก็ขึ้นกับมหาวิทยาลัยต้องมีความพร้อม มีความเข้มแข็ง และยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง ขณะที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เท่าที่ดูมี 3-4 แห่ง แม้จะออกนอกระบบแล้วรัฐบาลก็ยังสนับสนุนงบประมาณให้อยู่ แต่ก็จะทำให้มหาวิทยาลัยมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ส่วนกรมวิทยาศาสตร์บริการ กำหนดให้ 3 ปีเป็นองค์การมหาชน สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กำลังอยู่ระหว่างเจรจาว่าควรจะโอนไปอยู่กับกระทรวงพลังงานน่าจะเหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น

"กระทรวงใหม่จะมีกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่ดูแลภาพรวมของการจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยของทั้งประเทศ รวมทั้งยังสามารถสนับสนุนงบประมาณวิจัยเอกชนได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ในระยะ 3 ปีแรกงบวิจัยที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณด้านวัสดุและครุภัณฑ์ ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ยังคงให้มหาวิทยาลัยเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณได้โดยตรงที่สำนักงานงบประมาณ แต่หลังจากนั้นงบประมาณทุกอย่างจะอยู่ที่กองทุนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้จะเป็นประโยชน์กับมหาวิทยาลัยอย่างมาก เพราะรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณเป็นก้อน ถือเป็นช่องทางพิเศษในการได้เงินเพื่อสร้างงานวิจัย"ศ.คลินิก นพ.อุดมกล่าว