xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายฯ ห่วงเอกชนบังคับ "ตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง" ก่อนรับเข้าทำงาน เชื่อคนซื้อมาตรวจเอง อยากรู้ผลเพื่อก้าวต่อ ไม่คิดสั้นง่ายๆ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทยสภา ห่วงเด็กซื้อชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ต้องเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ลดคิดสั้นหากผลเป็นบวก ด้านเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ ชี้คนซื้อมาตรวจเอง มีความรู้ระดับหนึ่ง หวังรู้ผลเพื่อตัดสินใจก้าวต่ออย่างถูกต้อง แนะเภสัชกรช่วยให้คำปรึกษา ห่วงบริษัทซื้อไปบังคับใช้ตรวจก่อนเข้าทำงาน เข้าข่ายละเมิดสิทธิ

พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ปลดล็อกชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองสามารถซื้อได้ที่ร้านขายยา ว่า การตรวจเอดส์จากเลือดปลายนิ้ว โดยประชาชนเอง เป็นเรื่องที่สะดวกดี แต่น่าเป็นห่วง ถ้าผู้ตรวจเป็นเด็กอายุน้อยหรือมีวุฒิภาวะต่ำ การเข้าถึงความรู้ที่ถูกต้องกับการรักษา จะทำได้อย่างไร ที่จะทำให้ไม่เสียโอกาส ในทางกลับกันเคยมีผู้ที่ตรวจพบว่า เป็นแล้วเป็นข่าวว่าไปกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เราจะป้องกันอย่างไร

ก่อนหน้านี้แพทยสภาเคยออกเกณฑ์การตรวจเอชไอวีในเด็กจะทำได้ต้องมีทีมให้คำแนะนำ ทุกราย ก่อนและหลังการตรวจ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมและถูกต้องโดยไม่ตระหนก แต่ในปัจจุบันความรู้หาได้ง่ายและการรักษาก็ทำได้ไม่ยากและฟรี เชื่อว่า ประโยชน์น่าจะคุ้มค่ามากกว่าปัญหาที่คงมีบ้าง และคงเตรียมการรับมือไว้แล้ว

นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย กล่าวว่า ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง มีวัตถุประสงค์เอื้ออำนวยให้คนเข้าถึงการตรวจ เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการป้องกัน เนื่องจากคนที่รู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่การจะไปตรวจที่โรงพยาบาลอาจรู้สึกไม่พร้อม แต่แสดงว่าคนที่ตัดสินใจจะไปร้านขายยาเพื่อซื้อชุดมาตรวจเอง จะต้องมีข้อมูลระดับหนึ่งและสามารถจัดการตัวเองได้ระดับหนึ่งว่า ไม่ว่าผลของตัวเองจะออกมาเป็นบวกหรือลบ เช่น หากเป็นบวกจะได้ตัดสินใจเข้าระบบการรักษา และเมื่อไป รพ.ก็จะมีการตรวจยืนยันอีกครั้งหนึ่ง หรือหากผลเป็นลบก็ต้องนึกถึงเรื่องของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้ออีก โดยอาจมีเภสัชกรที่ขายเครื่องมืออธิบายการใช้และให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง

"หลายคนกังวลว่า หลังทราบผลการตรวจอาจมีการคิดสั้นหรือไม่ วุฒิภาวะได้หรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงสถานการณ์เอชไอวี/เอดส์เปลี่ยนไปแล้ว ถามว่าคนจะรู้สึกสิ้นหวังรักษาไม่ได้ ไปต่อไม่ได้ ก็คงไม่ใช่ เพราะคนไปซื้อมาตรวจคงมีข้อมูลระดับหนึ่งพอสมควร ว่าเป็นการตรวจเพื่อก้าวไปข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ เรื่องนี้กังวลได้ แต่อยากให้ประเมินสถานการณ์จริงๆ ว่า คนเดินไปซื้อ แสดงว่ามีข้อมูลระดับหนึ่ง แต่อยากรู้ว่าผลคืออะไร จะได้จัดการตัวเองต่อไป" นายอภิวัฒน์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีเด็กหรือวัยรุ่นที่อาจจะต้องตรวจภายใต้คำแนะนำ นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า หากเป็นเรื่องของการขออนุญาตตรวจในเด็กและวัยรุ่น ตรงนี้แก้ปัญหามานานแล้ว ว่าเด็กมีสิทธิที่จะตรวจได้เอง โดยไม่ต้องขออนุญาต เหมือนกับการตรวจตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งการตัดสินใจเข้ามาตรวจก็จะมีระบบให้คำปรึกษารองรับแล้ว แต่จะต้องปรับปรุงเรื่องของร้านยา เมื่อเด็กหรือวัยรุ่นซื้อเครื่องตรวจ ไม่ว่าจะตั้งครรภ์หรือเอชไอวี เภสัชกรน่าจะมีโอกาสให้คำปรึกษาป้องกัน เช่น การเข้าถึงถุงยางอนามัย แทนที่ขายอุปกรณ์อย่างเดียวก็ให้คำปรึกษาไปด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต และให้คำแนะนำว่าผลเป็นบวกหรือลบต้องทำอย่างไร ก็จะทำให้การใช้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า อีกประเด็นหนึ่งที่กังวลคือ การนำชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น การซื้อชุดตรวจจำนวนมาก เพื่อไปบังคับตรวจก่อนเข้าทำงานหรือสมัครเรียน ซึ่งเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ และถือเป็นการบังคับ ไม่ใช่สมัครใจ ซึ่งสถานการณ์เรื่องบังคับตรวจนั้น การสมัครเรียนถือว่าดีขึ้นระดับหนึ่ง แต่เรื่องรับเข้าทำงาน หลายบริษัทเอกชนยังไม่เข้าใจ ยังใช้ระบบคลินิกเอกชน รพ.เอกชน ให้ตรวจสุขภาพ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเอชไอวี และส่งผลเลือดมาให้ฝ่ายบุคคล ทั้งที่กองประกอบโรคศิลปะที่ดูคลินิกเวชกรรม มีประกาศมาแล้วว่า รพ.เอกชน คลินิกเอกชน ไม่สามาารถรับจ้างตรวจเอชไอวีก่อนเข้าทำงาน และส่งผลเลือดให้บริษัทได้ เพราะละเมิดสิทธิผู้ป่วยในการเปิดเผยความลับ ซึ่งออกมาแล้ว 2 ปี แต่คลินิกยังทำอยู่เหมือนเดิม มีการร้องเรียนเป็นระยะ เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหญ่ บริษัทเอกชนยังไม่เข้าใจ ไม่ว่ามีหรือไม่มีเชื้อก็ทำงานได้ เพราะรักษาได้แล้ว ถือเป็นเรื่องท้าทายและต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ


กำลังโหลดความคิดเห็น