xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านรุกพื้นที่ “โบราณสถาน” กว่า 155 แห่ง เตรียมนำร่องแก้ปัญหา 17 แห่ง ร่อนหนังสือแจ้งออกจากพื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วธ. ถกแนวทางแก้ปัญหาพักอาศัยและทำกินในเขตพื้นที่โบราณสถาน-แหล่งโบราณคดี-คูเมืองกำแพงเมืองโบราณทั่วประเทศ สำรวจพบ 155 แห่ง ย้ำ หาวิธีประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ห้องประชุมใหญ่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังประชุมการจัดการพื้นที่แหล่งโบราณสถานและมรดกทางวัฒนธรรม ว่า ที่ประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาประชาชนพักอาศัยและทำกินในเขตพื้นที่โบราณสถาน ซึ่งปัจจุบันมีโบราณสถานทั่วประเทศกว่า 8,000 แห่ง ในจำนวนนี้ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานกว่า 3,000 แห่ง ทั้งนี้ ในข้อมูลเบื้องต้นจากการสำรวจของกรมศิลปากร พบว่า มีแหล่งโบราณสถานที่ประชาชนพักอาศัยและใช้พื้นที่ทำการเกษตร รวมทั้งหมด 155 แห่ง จำนวน 9,594 คน

นายวีระ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้พิจารณาปัญหาที่ประชาชนพักอาศัยและทำกินในเขตพื้นที่โบราณสถาน โดยกรมศิลปากรได้มอบให้สำนักศิลปากรทั้ง 12 แห่ง นำร่องแก้ปัญหาประชาชนพักอาศัยและทำกินในจังหวัดต่างๆ ทั้งหมด 17 แห่ง เช่น ถ้ำเขาพระนาขวาง จ.เพชรบุรี คูและกำแพงเมือง (เมืองโบราณสุพรรณบุรี) จ.สุพรรณบุรี กำแพงเมืองกาญจนบุรีใหม่ จ.กาญจนบุรี คลองประตูข้าวเปลือก บริเวณชุมชนวัดราชประดิษฐาน และวัดถนนจีน จ.พระนครศรีอยุธยา โบราณสถานสระมะโนรา จ.ลพบุรี ปราสาทสด๊กก๊อกธม จ.สระแก้ว เมืองโบราณเพนียด จ.จันทบุรี โครงการอนุรักษ์และพัฒนาคูเมืองกำแพงเมืองสุโขทัยด้านตะวันออก และโบราณสถานวัดอาวาสน้อย จ.กำแพงเพชร เป็นต้น

นายวีระ กล่าวต่อว่า กำชับให้กรมศิลปากรแก้ปัญหาตามมาตรการระยะสั้นและระยะยาว สำหรับระยะสั้น โดยดำเนินการตรวจสอบการครอบครองสิทธิ์ที่ดินในเขตพื้นที่โบราณสถานและตรวจสอบขอบเขตพื้นที่เช่าให้ชัดเจน ทำหนังสือแจ้งประชาชนที่พักอาศัยและทำกินในเขตพื้นที่โบราณสถานให้ทราบว่า ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่โบราณสถานเพื่อขอความร่วมมือออกจากพื้นที่ ส่วนระยะยาว อาทิ การตรวจตราพื้นที่โบราณสถานไม่ให้มีประชาชนพักอาศัยและทำกินในเขตพื้นที่โบราณสถานอย่างเข้มงวด ศึกษาทางโบราณคดีเพิ่มเติมบริเวณพื้นที่โบราณสถาน เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาถึงความสำคัญของพื้นที่ดังกล่าวและควบคุมการก่อสร้างอาคารใกล้กับโบราณสถาน จัดทำแผนในการคืนพื้นที่โบราณสถาน บูรณะฟื้นฟูโบราณสถานให้อยู่ในสภาพดีและพัฒนาพื้นที่โบราณสถาน เป็นต้น

“ที่ประชุมเสนอแนะให้กรมศิลปากรแก้ปัญหาโดยการแต่งตั้งคณะกรรมการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากกรมศิลปากร หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กรมธนารักษ์ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการแก้ไขปัญหาและเกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ขณะเดียวกันกรมศิลปากรจำเป็นต้องปฏิบัติการตามภาระหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดในการดูแลปกป้องโบราณสถาน” นายวีระ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น