ที่ปรึกษา รมว.ศธ.รายงานสรุปผลสอบข้อเท็จจริงจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะ ม.ปลาย เสนอตั้งสอบวินัยร้ายแรง ขรก. 5 ราย ตั้งแต่บิ๊ก สพฐ.-ผอ.ร.ร.ในอีสาน
วันนี้ (7 พ.ย.) พล.อ.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนได้เข้าพบ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ รายงานผลการสรุปสำนวนการสอบข้อเท็จจริง กรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 279 ล้านบาท ซึ่ง นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯได้สรุปผลการตรวจสอบ และเสนอตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 ราย ดังนี้ ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นายณรงค์ แผ้วพลสง ผู้ตรวจราชการ ศธ. อดีตรองเลขาธิการ กพฐ. ข้าราชการระดับ 8 ของ สพฐ.2 ราย และผู้อำนวยการโรงเรียน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่วนผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ สพฐ.ชุดที่ นายสนิท แย้มเกษร ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธาน ถือเป็นการแต่งตั้งภายในของ สพฐ.เอง การพิจารณาจะยึดผลการตรวจสอบของนายอรรถพล ไม่ใช้ผลการตรวจสอบของ สพฐ.
พล.อ.โกศล กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้บริหารระดับ 10 และ 11 จะเกี่ยวข้องในเรื่องการกำหนดนโยบาย ซึ่งจะผิดจริงหรือไม่ ก็ต้องไปชี้แจงในคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ในส่วนของผู้อำนวยการโรงเรียนโยงใยในเรื่องของการล็อกสเปก โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดและส่งให้นิติกร สำนักนิติการ สำนักงานปลัด ศธ. พิจารณาว่า เห็นตรงกันหรือไม่ จากนั้นจะเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ ลงนาม ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้ ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนประธานสอบจะเป็นใครนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่การพิจารณารัฐมนตรีว่าการ ศธ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการสรุปเสนอตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ระดับ 11 ของ สพฐ. และจะต้องย้ายออกจากพื้นที่ก่อนหรือไม่ พล.อ.โกศล กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่ดุลพินิจของนิติกร สำนักงานปลัดศธ. เสนอ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาว่าจะใช้ มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับข้อมูลหลายอย่าง และขณะนี้ยังถือว่า อยู่ในขั้นการชี้มูล จากนั้นจะมีการสอบสวน เรื่องนี้ถือว่าความเสียหายเรื่องเงินยังไม่เกิด เพราะงบประมาณตกไปก่อน แต่ความเสียหายในแง่ของการบริหารงบประมาณได้เกิดขึ้นแล้ว แทนที่จะนำงบฯมาให้นักเรียน ก็ไม่ได้ทำ อีกทั้งยังถือว่าผิดนโยบายรัฐบาล ที่เร่งให้แต่ละหน่วยงานใช้จ่ายงบประมาณในปี 2560 ส่วนจะถือว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการสอบสวน