xs
xsm
sm
md
lg

วิ่งอย่างไรให้หัวใจแข็งแรง เลี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทุกวันนี้การวิ่งเป็นหนึ่งในวิธีการออกกำลังกายยอดฮิตที่ได้รับความนิยมในคนทุกเพศทุกวัย จะเห็นได้ว่ามีการจัดกิจกรรมวิ่งมาราธอน หรือมินิราธอนเกิดขึ้นมากมาย เพื่อเชิญชวนให้คนหันมาใส่ใจกับสุขภาพ แต่การจะวิ่งให้ได้ทั้งความสุข ความสนุกสนาน สุขภาพที่ดีและเกิดความปลอดภัยนั้น ควรมีการเตรียมตัวที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก่อนร่วมกิจกรรมการวิ่ง

แม้ว่าการวิ่งจะทำให้ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรคภัยต่างๆ ได้ แต่การวิ่งที่ถูกต้องนั้นสำคัญกว่า เพราะจะช่วยให้เราวิ่งได้อย่างปลอดภัย ป้องกันไม่ให้เราบาดเจ็บจนถึงขั้นหัวใจวายเฉียบพลัน และสามารถสนุกกับการวิ่งได้จนถึงเส้นชัย

นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร ประธานคณะกรรมการมูลนิธิเด็กโรคหัวใจ กล่าวว่า ลักษณะการวิ่งที่ถูกต้อง ควรเริ่มจากการ วอร์ม อัพ (Warm up) ให้ร่างกายเตรียมพร้อม โดยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเบื้องต้น แล้วเริ่มวิ่งจากช้า ๆ เมื่อหัวใจเต้นเร็วขึ้น จึงค่อย ๆ วิ่งเร็วขึ้นในระดับที่ร่างกายรับไหว ไม่เหนื่อยจนเกินไป เมื่อสิ้นสุดการวิ่งจึงลดระดับการวิ่งให้ช้าลง ทีละนิด และไม่หยุดวิ่งในทันที นับว่าเป็นเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือ คูล ดาวน์ (Cool Down)  

การวิ่งที่ดีไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็ว แต่ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งนพ.ธนะรัตน์ให้เหตุผลว่า กล้ามเนื้อของแต่ละคนมีความทนทานไม่เท่ากัน จึงต้องสังเกตตัวเองว่าสามารถวิ่งได้มากน้อยเท่าไร สมมติว่าเราไม่เคยวิ่งมาก่อน เริ่มต้นด้วยการวิ่งมาก ๆ แล้ว เหนื่อย แน่น จุก ประเภทนี้ต้องระวังตัวเอง ว่าตอนนี้เริ่มมีปัญหาแล้ว กล่าวคือมีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วกว่าคนอื่น เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่วิ่งเป็นประจำ ซึ่งมีอัตราการเต้นของหัวใจที่ช้ากว่าในระดับเดียวกัน

นอกจากการบริหารร่างกายก่อนวิ่งและประเมินสภาพร่างกายของตัวเองแล้ว นพ.ธนะรัตน์ ย้ำว่า การตรวจร่างกายพื้นฐานก็เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้การวิ่งมีประสิทธิภาพ หากรู้สึกเจ็บ แน่น จุกหน้าอกเวลาอยู่เฉย ๆ หรือเดินเร็ว ๆ แล้วเหนื่อย เดินได้น้อยลง ช้าลง จนไม่สามารถเดินเร็วได้ ควรไปตรวจเพื่อหาสาเหตุ ส่วนคนที่สูบบุหรี่ เครียด อดนอน ความดันโลหิตสูง และเป็นโรคเบาหวาน เหล่านี้เป็นความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดขรุขระ และหลอดเลือดแข็งตัวได้ ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในขณะที่มีอาการเหนื่อยจากการออกกำลังกาย ขณะนั้นกล้ามเนื้อหัวใจจะหนาขึ้น ยิ่งทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ยากขึ้นกว่าคนปกติ ส่งผลให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันขึ้นได้

แม้ในกลุ่มนักกีฬา หรือนักวิ่งมืออาชีพ ถึงแม้จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่เคยมีอาการส่งสัญญาณเตือนใด ๆ แต่ก็ยังมีข่าวเกี่ยวกับอาการหัวใจวายเฉียบพลันขณะการแข่งขันให้ได้เห็นกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการออกกำลังกายมากเกินปกติ หรือในกลุ่มคนทั่วไป อาจจะมีอาการหลอดเลือดตีบ หรือมีตะกรันเกาะอยู่ที่หลอดเลือด โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่เคยตรวจสุขภาพ เมื่อออกกำลังกายเหนื่อยมาก จนเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ทันก็เกิดหัวใจวายเฉียบพลันได้เช่นกัน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้วิ่งจึงควรตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจร่วมด้วยในการตรวจสุขภาพประจำปี

นพ.ธนะรัตน์ กล่าวอีกว่า การวิ่งยังช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ หากมีการฝึกวิ่งสะสมมาเป็นระยะเวลานาน เพราะเป็นการฝึกกล้ามเนื้อหัวใจ เพื่อให้หัวใจทำงานได้มากขึ้น หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจจะขยายตัว จึงมีพื้นที่ให้เซลล์เล็ก ๆ ภายในหลอดเลือดสามารถผลิตเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้มากขึ้น แต่ต้องดูปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ควบคู่ เช่นไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหม หรือฝืนร่างกายจนเกินไป เพื่อไม่ก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้

ด้าน น.ส.ปุณยนุช ปรัชญานิพนธ์ สปอร์ตเกิร์ลที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ได้กล่าวถึงประสบการณ์การวิ่งของตนเองว่า โดยส่วนตัวคิดว่าการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ทุกคนสามารถทำได้ง่าย ๆ ทำให้สุขภาพดีร่างกายแข็งแรง และทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ จุดเริ่มต้นของการวิ่งอย่างแรกก็คือ ทำเพื่อตัวเอง เพื่อให้ร่างกายและหัวใจของเราแข็งแรง และนอกจากได้สุขภาพที่ดีแล้ว หากยังสามารถช่วยเหลือสังคมและองค์กรการกุศลได้ก็จะยิ่งดีมาก ขอกล่าวถึงกิจกรรมวิ่งมินิมาราธอนการกุศล TMB I ING PARKRUN 2018 ที่กำลังจะมีการวิ่งพร้อมกันทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2561เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมวิ่งที่ดี ที่ได้รับความสนใจจากนักวิ่งเป็นจำนวนมากและยังเปิดรับบริจาคเงินสมทบทุนจนถึงวันที่เราจะวิ่งงพร้อมกันในวันที่ 2 ธันวาคม สามารถดูรายละเอียดผ่านทางเว็บไซต์ www.makethedifference.org/parkrun โดยรายได้ทั้งหมด ไม่หักค่าใช้จ่าย นำไปบริจาคเป็นค่าผ่าตัดให้กับเด็กโรคหัวใจ ผ่านทางมูลนิธิเด็กโรคหัวใจฯ เพียงเท่านี้ ทุกคนก็จะมีส่วนร่วมทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ด้วยกันในการช่วยชีวิตเด็กโรคหัวใจให้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติอีกครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น