หมอจุฬาฯ ชี้ "คนชำแหละ" วัวตายจากพิษสุนัขบ้าที่เมืองคอนเสี่ยงสุด ตามด้วยคนปรุง ส่วนคนกินเสี่ยงน้อย แต่ต้องมาฉีดวัคซีน ยันเชื้อไม่ถ่ายทอดทางน้ำนม ส่วนชาวบ้านบอกรู้สึกขนลุกขนพอง น้ำลายไหลเยอะ หลังกินเนื้อวัว อาจเกิดจากความวิตกกังวล ชี้เชื้อพิษสุนัขบ้าไม่แสดงอาการเร็ว
จากกรณีชาวบ้าน ต.นางเรียง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช กว่า 250 คน เดินทางไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า หลังพบว่า เนื้อวัวที่รับประทานไปนั้น เป็นวัวที่ถูกหมาบ้ากัดตาย แต่ ส.อบต.เสียดายนำมาชำแหละในราคาถูกนั้น
วันนี้ (16 ก.ย.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ตามคำแนะนำหากสัตว์ตายผิดธรรมชาติจะแนะนำให้ฝังกลบ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาตรวจเพื่อหาเชื้อ ไม่แนะนำให้นำมารับประทาน สำหรับการรับประทานเนื้อวัวที่ตายเพราะพิษสุนัขบ้า คนที่เสี่ยงมากที่สุด คือ คนที่ชำแหละ เพราะมีการสัมผัสกับสัตว์โดยตรง มีโอกาสเชื้อเข้าทางบาดแผล เนื้อเยื่อต่างๆ รองลงมา คือ คนที่ปรุงอาหาร เพราะยังมีโอกาสสัมผัสเนื้อสัตว์ที่ยังไม่สุก ช่องทางที่เชื้อโรคเข้าร่างกายเช่นเดียวกับกลุ่มชำแหละ ส่วนคนที่รับประทานมีความเสี่ยงน้อย เพราะอาหารผ่านการปรุงสุกแล้ว ยกเว้นว่าเป็นเมนูดิบ
เมื่อถามว่าแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เชื้อพิษสุนัขบ้าสามารถถ่ายทอดทางน้ำนมได้หรือไม่ ต้องฉีดวัคซีนในทารกหรือไม่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า เชื้อพิษสุนัขบ้าไม่ได้เข้าไปที่เส้นเลือด เพราะฉะนั้นเชื้อไม่ได้ทอดจากน้ำนม เด็กก็ไม่ต้องรับวัคซีน
เมื่อถามถึงกรณีชาวบ้านบอกหลังรับประทานเนื้อวัวที่ตายจากพิษสุนัขบ้าแล้วรู้สึกขนลุกขนพอง ปวดกล้ามเนื้อ น้ำลายไหลเยอะ คือ เชื้อเข้าร่างกายรวดเร็วหรือไม่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า เชื้อพิษสุนัขบ้าไม่ได้ออกแสดงอาการเร็วขนาดนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะความรู้สึกวิตกกังวล อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าหากสัตว์ป่วยตายผิดธรรมชาติห้ามรับประทานเด็ดขาด ขอให้ฝังกลบ แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เข้ามาตรวจสอบดีที่สุด