xs
xsm
sm
md
lg

“หมออุดม” แนะตั้ง รมต.นั่งกระทรวงการอุดมฯทันที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“หมออุดม” เผย หากประกาศตั้งกระทรวงการอุดมฯ  เสนอเดินหน้าตั้งรัฐมนตรีทันที ถ้าหากรอการเลือกตั้ง จะเกียร์ว่าง 3 เดือน


วันนี้ (10 ส.ค.) นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ว่า ในขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ... และ ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ.... ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อจากนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ชุดพิเศษ โดยมี ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรโณ เป็นประธาน และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ปลายเดือน ส.ค.อีกครั้งหนึ่ง และนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต้นเดือน ก.ย. นี้ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการพิจารณากฎหมาย จึงคาดว่าจะสามารถประกาศจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ในเดือน พ.ย.นี้ ตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรี กำหนดกรอบเวลาไว้ อย่างไรก็ตาม หลังจากตั้งกระทรวงแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เพื่อโยกย้ายบุคลากร จัดการโครงสร้างต่างๆ ซึ่งกระทรวงใหม่จะเริ่มทำงานได้จริง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ส่วนตัวเห็นว่า เมื่อมีการประกาศจัดตั้งกระทรวงใหม่แล้ว ก็น่าจะมีรัฐมนตรีเข้ามาดูแลทันที หรือรอรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาดำเนินการ ก็ได้เช่นกันแต่จะเสียเวลาไป 3 เดือน ส่วนคุณสมบัติของผู้จะมาเป็นรัฐมนตรีนั้น ควรมีความเข้าใจงานการอุดมศึกษา และมีความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมจะต้องตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ประเทศ และสร้างกำลังคนให้มีความรู้ความสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ด้วย

นพ.อุดม กล่าวด้วยว่า ส่วน ร่าง พ.ร.บ.วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญอีกฉบับหนึ่งนั้น ขณะนี้ยังไม่ลงตัวเรื่องจะให้หน่วยงานที่จัดสรรงบฯวิจัย ควรอยู่ในกระทรวงหรือนอกกระทรวงจึงจะเหมาะสม เรื่องนี้วางไว้ 2 แนวทาง คือ แนวทางแรก ให้หน่วยงานที่จัดสรรงบวิจัย อยู่ในกระทรวงการอุดมฯ ซึ่งมีข้อดี คือ ความเชื่อมโยงของนโยบายและการปฏิบัติ เพราะอยู่ในกระทรวงเดียวกัน ซึ่งมีข้อห่วงใยว่า อาจมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะหน่วยงานที่ให้งบวิจัย และหน่วยงานที่รับเงินวิจัยคือ มหาวิทยาลัย อยู่ในกระทรวงเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้โดยกำหนดภารกิจให้ชัดเจน และมีบอร์ดวิจัยที่ รัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้อง

ส่วนแนวทางที่ 2 คือ ให้หน่วยงานจัดสรรงบวิจัย อยู่นอกกระทรวง แต่กำหนดแนวทางนโยบายให้มีความเชื่อมโยงกับกระทรวง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา กำหนดรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายเกี่ยวกับทั้ง 2 แนวทางดังกล่าว ถ้าหาก กฤษฎีกา ไม่สามารถตัดสินใจได้ จะให้ ครม. เป็นผู้ตัดสินใจเลือก


นพ.อุดม กล่าวว่า ส่วนโครงสร้างในภาพรวมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม จะแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ได้แก่ ส่วนงานการอุดมศึกษา และส่วนงานวิจัยและนวัตกรรม โดยแต่ละส่วนจะมีกฎหมายเป็นของตนเองแต่จะมีความเชื่อมโยงกัน โดบมีคณะกรรมการหรือบอร์ดเป็นของตนเอง ได้แก่ คณะกรรมการการอุดมศึกษา และคณะกรรมการพัฒนาวิจัยและนวัตกรรม อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่กระทรวงใหม่ดูแลนั้น คิดเป็นร้อยละ 80 ของงานวิจัยทั้งประเทศ ที่เหลือร้อยละ 20 เป็นงานวิจัยในสังกัดกระทรวงอื่นๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น ทั้งนี้ การดูแลงานวิจัยในภาพรวมระดับประเทศ จะมีคณะกรรมการระดับประเทศดูแล โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน


กำลังโหลดความคิดเห็น