xs
xsm
sm
md
lg

อย่าเอาอคติมาทำลายมนุษยธรรม/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
ท่ามกลางความยินดีปรีดาและรอยยิ้มของผู้คนทั่วทั้งโลกต่อกรณีที่ทีมปฏิบัติการที่รวมสุดยอดของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาสามารถช่วยเหลือทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างปลอดภัย สร้างความสุขไปทั่วโลก และกลายเป็นปฏิบัติการยอดเยี่ยมที่ได้รับการชื่นชมไปทั่วโลก

จากนี้ก็เป็นกระบวนการของการดูแลสุขภาพและเยียวยาทีมหมูป่าทั้ง 13 คน เพื่อให้สุขภาพร่างกายกลับมาสู่ความแข็งแรงสมบูรณ์ สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ในเร็ววัน

เรียกว่าทีมหมูป่าได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัวแล้ว

แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีโอกาสกลับไปหาครอบครัวได้อีก เพราะต้องเสียชีวิตจากกรณีเรือล่มที่ภูเก็ต จากกรณีเรือฟินิกซ์ล่มที่ทะเลอันดามัน จังหวัดภูเก็ต ทำให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตและมีผู้สูญหายเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 กค.61 และล่าสุดตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 46 ราย และสูญหายอีก 1 ราย ถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงอีกครั้งหนึ่งในบ้านเรา

และผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งหมด

หลังเกิดเหตุจากนั้นไม่นานก็มีข้อมูลเปิดเผยว่า เจ้าของเรือฟีนิกซ์เป็นคนจีน โดยว่าจ้างให้คนไทยรับเป็นเจ้าของบริษัทในลักษณะนอมินี และพบว่ามีความเชื่อมโยงกับบริษัท ท่าลี่ จำกัด ที่ถูกดำเนินคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ตั้งแต่ปี 2558 จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชี่ยลมีเดียว่าคนจีนทำคนจีนกันเอง และจำนวนไม่น้อยที่กระหน่ำว่าเป็นสาเหตุที่เกิดจากคนจีนกันเองที่ไม่เชื่อกรมอุตุนิยมวิทยาของไทย

แม้กระทั่งรองนายกรัฐมนตรีของไทยยังกล่าวว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนจีนที่ทำกับนักท่องเที่ยวจีนเอง ทำเรือของเขาเอง ละเมิดฝ่าฝืนและทำผิดกฎหมายไทย เขาทำตัวของเขาเอง"

จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วสังคมออนไลน์เมืองจีน โดยเฉพาะเฟซบุ๊คเพจอ้ายจง ที่เป็นเพจที่ได้รับความนิยมจากชาวจีน และชาวจีนที่อยู่ในเมืองไทย ได้ประมวลข้อความแสดงความคิดเห็นจากชาวจีนเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นข่าวใหญ่และได้รับความสนใจจากสังคมจีนนับล้านคน เนื่องจากเหยื่อผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อคำพูดที่ดูไม่ใส่ใจและไม่รับผิดชอบของรัฐบาล ทำให้ชาวเน็ตเมืองจีนออกมาแสดงความคิดเห็นถล่มเมืองไทยกันยกใหญ่

ถึงขนาดที่เพจอ้ายจง ไม่อาจแปลความคิดเห็นต่างๆ ออกมาได้ เนื่องจากเป็นถ้อยคำที่รุนแรงและไม่ค่อยสุภาพ ซึ่งภาพรวมจากสังคมออนไลน์เมืองจีน หลายคนเริ่มขาดความเชื่อมั่นในการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย

และกระแสดังกล่าวทำให้รองนายกรัฐมนตรีคนดังกล่าวต้องออกมากล่าวคำขอโทษว่า "ไม่มีอะไรหรอก เป็นคนละเรื่องกัน การทำผิดก็เรื่องหนึ่ง การช่วยเหลือก็เรื่องหนึ่ง ถ้าผมพูดอะไรไม่พอใจก็ขอโทษ"

ต้องยอมรับว่ากรณีข่าวที่ถ้ำหลวงได้รับความสนใจไปทั่วโลก ผู้คนต่างใจจดจ่อต่อข่าวทีมหมูป่า 13 คนเป็นอย่างมาก จึงมีส่วนทำให้ข่าวเรื่องเรือล่มที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นข่าวใหญ่เพราะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และเสียชีวิตในบ้านเราถูกบดบังลง

และอีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนกระนั้นหรือ !

ยิ่งเป็นบริษัทนอมินีจีนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเราเฉยเมยต่อการสูญเสียกระนั้นหรือ บางคนเลยเถิดไปถึงขั้นสมควรแล้วด้วยซ้ำ !

ลองเปิดใจดูเสียหน่อยว่าถ้าบังเอิญเรารู้จักกับผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ เราจะรู้สึกอย่างไร?

หรือถ้ากลับกัน เราอยู่ในต่างแดน แล้วเกิดเหตุแบบเดียวกันนี้ แล้วมีคนบอกเราว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนไทยที่ทำกับนักท่องเที่ยวไทยเอง” หรือพูดในท่วงทำนองว่าสมควรแล้ว ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราหน่อยดีไหม

เราจะรู้สึกอย่างไร?

ประการแรก นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเราปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ไปไม่ได้ เพราะมีผู้เสียชีวิตในน่านน้ำไทยจำนวนมาก การที่ผู้ประกอบการเป็นนอมินีชาวจีน ไม่ได้หมายความว่าเราจะปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ไปได้

ประการที่สอง กรณีผู้สูญเสียที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนก็เรื่องหนึ่ง และกรณีที่มีผู้ประกอบการชาวจีนมาทำมาหากินแบบไม่ถูกกฏหมายก็เรื่องหนึ่ง อย่าเอาทั้งสองเรื่องมารวมกัน แล้วบอกว่าก็เพราะเป็นชาวจีน ทำแบบนี้ สมควรแล้วล่ะ มันใช่หรือ ต้องแยกแยะกรณีนักท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฏหมาย

ประการที่สาม เรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ เราได้ยินมายาวนานแล้วในทุกแหล่งท่องเที่ยวของเราที่ชาวจีนนิยม ก็แล้วทำไมผู้กุมกฎหมายยังปล่อยปละละเลยล่ะ ใครทำหน้าที่กำกับดูแล รวมถึงมาตรการความปลอดภัยในบ้านเราด้วย ทำไมยังปล่อยให้กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้เข้ามาเป็นนอมินีบริษัทคนไทยอยู่อีกได้เล่า

ประการที่สี่ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก เพราะมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ใช่เรื่องที่ระดับรองนายกรัฐมนตรีในบ้านเราจะออกมาพูดจาแบบนี้ในท่ามกลางความสูญเสียกระนั้นหรือ ตรงกันข้ามการสื่อสารในกรณีนี้ควรระมัดระวังและมีการสร้างความเข้าใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่านี้ แน่นอนว่าทัวร์ศูนย์เหรียญควรกวาดล้างอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ลืมที่จะสร้างภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในกรณีที่เพิ่งเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเช่นนี้ด้วย เพราะในเวลานี้นักท่องเที่ยวจีนก็คือกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย

ประการสุดท้าย กรณีแหล่งท่องเที่ยวบ้านเราเข้าสู่หน้ามรสุม ซึ่งไม่ควรให้เรือออกจากฝั่ง ควรจะออกประกาศเป็นเรื่องเป็นราวไม่ให้มีการออกจากฝั่ง มิใช่ขอความร่วมมือ แต่เป็นประกาศที่ชัดเจน ห้ามฝ่าฝืน หรือแม้กระทั่งบางเกาะก็มีการปิดเกาะในช่วงหน้ามรสุมด้วย ก็ควรจะมีมาตราฐานเดียวกัน ไม่ใช่เห็นว่าเป็นหน้ามรสุม แต่ก็อยากได้รายได้จากนักท่องเที่ยว ก็เลยใช้คำว่า “ขอความร่วมมือ” แทนที่จะใช้คำว่า “ห้าม”

ท่ามกลางความสูญเสียเราอย่าใช้อคติมาทำลายมนุษยธรรมกันเลยค่ะ


กำลังโหลดความคิดเห็น